ข่าวปลอม!!!ใช้น้ำนมแม่หยอดตา ช่วยรักษาอาการเจ็บตา เคืองตา

วันที่ 29 ต.ค. 64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันข้อมูลว่าเป็นข่าวปลอม เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่ได้มีการส่งต่อข่าวสารในประเด็นเกี่ยวกับสุขภาพ เรื่อง ใช้น้ำนมแม่หยอดตา ช่วยรักษาอาการเจ็บตา เคืองตา ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

กรณีที่มีการส่งต่อข้อมูลเกี่ยวกับการบรรเทา และรักษาอาการเจ็บตา เคืองตา โดยให้ใช้น้ำนมแม่หยอดตา เพื่อรักษาอาการข้างต้น กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า แม้ในนมแม่มีสารที่สามารถยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียได้ เช่น สารอิมมูโนโกลบูลินเอ, แลคโตเฟอริน, ไลโซไซม์, อินเตอร์เฟอรอน และ เม็ดเลือดขาวต่างๆ แต่การที่เรามีการระคายเคืองตาและเจ็บตา ซึ่งภาวะนี้อาจมีการติดเชื้อที่ซ่อนอยู่ได้โดยที่เชื้อที่ซ่อนอยู่อาจเป็นเชื้อที่ไม่สามารถต้านจากภูมิในน้ำนมได้

ประกอบกับในน้ำนมมีน้ำตาลแลคโตสในปริมาณสูง (สูงกว่าในนมวัว) ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของเชื้อโรค สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อลุกลามได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในผู้ป่วยบางรายการติดเชื้ออาจถึงขั้นที่ทำให้เกิดการสูญเสียดวงตาได้

นอกจากนี้ยังพบว่าในน้ำนมแม่อาจมีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียบางชนิดได้ส่วนภาวะบางอย่างที่มีการระคายตา สู้แสงไม่ได้ เช่นที่เกิดจากตาแห้ง บางครั้งการหลับตา พักสายตา ก็ทำให้อาการดีขึ้นได้เอง หรือ อาการตาแดงจากการติดเชื้อไวรัสบางชนิด พอเวลาผ่านไปก็สามารถดีขึ้นได้เองโดยที่ไม่ต้องรักษา

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์ สามารถติดตามได้ที่ www.dms.go.th หรือโทร 02 5906000

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : เชื้อโรคที่ซ่อนอยู่อาจเป็นเชื้อที่ไม่สามารถต้านจากภูมิในน้ำนมได้ อีกทั้งในน้ำนมมีน้ำตาลแลคโตสปริมาณสูง เป็นแหล่งอาหารของเชื้อโรค ซึ่งทำให้เชื้อลุกลามได้เร็ว อาจถึงขั้นที่ทำให้เกิดการสูญเสียดวงตาได้

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ร่วมแสดงความคิดเห็น