อบจ.จับมือชุมชน สร้างธนาคารน้ำใต้ดินแก้ภัยแล้งระยะยาว

จากสภาพปัญหาของจังหวัดแพร่ ภัยแล้งถือเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากส่งผลต่อการดำรงชีวิตของประชากรและเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ประชาชนขาดรายได้ ตามมาด้วยปัญหาไฟป่าหมอกควันทำลายสุขภาพคนทั้งเมือง การแก้ปัญหาภัยแล้งที่ผ่านมายังไม่ประสบความสำเร็จในจังหวัดแพร่ ฤดูฝนกำลังผ่านไปแล้ว ปริมาณน้ำจำนวนมากที่ตกในจังหวัดแพร่ ไหลลงอ่างเก็บน้ำได้เพียงร้อยละ 30 ส่วนที่เหลือไหลไปตามแหล่งน้ำธรรมชาติส่งผลกระทบให้เกิดน้ำท่วมในภาคเหนือตอนล้างและภาคกลางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชุมชนในตำบลวังชิ้น อ.วังชิ้น จ.แพร่ ได้สรุปบทเรียนน้ำท่วมภัยแล้งและไฟป่าด้วยกันกับเครือข่ายลุ่มน้ำยมตอนบน
พร้อมทั้งศูนย์น้ำจังหวัดแพร่ ที่มีนายอนุวัธ วงศ์วรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ และ นายวัฒนา ผาทอง รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่เป็นแกนนำสำคัญ จับมือกับชาวบ้านในตำบลวังชิ้น นำเครื่องจักรเข้าร่วมชุมชนพัฒนาแหล่งดูดซับน้ำและเก็บน้ำในระดับ น้ำใต้ดิน หรือธนาคารน้ำใต้ดิน ซึ่งในพื้นที่ตำบลวังชิ้นมีเป้าหมายทำธนาคารน้ำใต้ดินจำนวน 250 แห่ง ทุกแห่งจะดำเนินการภายในชุมชนเก็บน้ำใต้ดินจากหลังคาบ้านไหลลงสู่น้ำบาดาล
นายคะนอง อ่องคำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.วังชิ้น อ.วังชิ้น จ.แพร่ กล่าวว่า ชุมชนได้รับความรู้การทำธนาคารน้ำใต้ดิน จึงพากันให้ความสำคัญพร้อมที่จะดำเนินการทุกหลังคาเรือน ถือเป็นสิ่งที่ดี

ส่วนนายนิทัศน์ วันมูล ประธานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองหมู่ 2 ต.วังชิ้นกล่าวว่า ทางกองทุนได้เห็นความสำคัญได้มีมติคณะกรรมการเจียดเงินสะสมสวัสดิการหมู่บ้านมาเพื่อการใช้จ่ายในการนี้ เพื่อให้น้ำไหลลงใต้ดินไม่เอ่อท่วมเหมือนทุกปีที่ผ่านมา
นายปฏิพล จอมดวง ส.จ.อำเภอวังชิ้นเขต 1 กล่าวว่า ทางอบจ.แพร่ ได้เข้ามาเสริมแรงให้กับชุมชน โดยทางอบจ.นำเครื่องจักรเข้ามาช่วย โดยชุมชนออกค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งทำให้สามารถดำเนินการได้ ตามแผนน่าจะแล้วเสร็จในอีก 15 วันข้างหน้า

นางกุลชา บัญสว่าง ส.จ.อำเภอวังชิ้นเขต 2 กล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นโครงการระยะยาว ที่อบจ.แพร่ กำลังดำเนินการภัยใต้ศูนย์บริหารจัดการน้ำ ที่มีแผนระยะยาวที่จะทำให้ปริมาณน้ำฝนที่ตกในจังหวัดแพร่ สามารถเก็บกักไว้ในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นกรณีพิเศษที่ชาวบ้านในตำบลวังชิ้นมาความต้องการที่จะแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งร่วมกัน จุดนี้ถือเป็นจุดใหญ่ที่สุดของจังหวัดแพร่ มีความร่วมมือสูง แต่อย่างไรก็ตามถือเป็นระยะเริ่มต้นของการเดินหน้าแก้ปัญหาน้ำในจังหวัดแพร่ เพื่อให้เกิดผลอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น