ข่าวจริง เพิ่มวันหยุดราชการกรณีพิเศษ ปี 65 จำนวน 4 วัน

ข่าวจริง เพิ่มวันหยุดราชการกรณีพิเศษ ปี 65 จำนวน 4 วัน เพื่อให้มีวันหยุดยาวกระตุ้นการท่องเที่ยว-เศรษฐกิจ

วันที่ 9 พ.ย. 64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันข้อมูลว่าเป็นข่าวจริง เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่มีการนำเสนอข่าวในประเด็นเรื่อง เพิ่มวันหยุดราชการกรณีพิเศษ ปี 65 จำนวน 4 วัน เพื่อให้มีวันหยุดยาว กระตุ้นการท่องเที่ยว-เศรษฐกิจ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบภาพรวมวันหยุดราชการประจำปี 2565 จำนวน 19 วัน และให้ความเห็นชอบการกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษประจำปี 2565 จำนวน 4 วัน ได้แก่
1. วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม 2565 ทำให้มีวันหยุดยาวติดต่อกัน 5 วัน
2. วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2565 ทำให้มีวันหยุดยาวติดต่อกัน 4 วัน
3. วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2565 ทำให้มีวันหยุดยาวติดต่อกัน 4 วัน
4. วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม 2565 ทำให้มีวันหยุดติดต่อกัน 4 วัน
เพื่อให้มีวันหยุดยาวต่อเนื่องกันในแต่ละช่วงเชื่อมโยงกับวันหยุดประจำสัปดาห์ เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการเดินทาง และส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการประกาศเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศด้วย

ทั้งนี้ในกรณีที่หน่วยงานใดมีภารกิจในการให้บริการประชาชนหรือมีความจำเป็นหรือมีราชการสำคัญในวันหยุดราชการดังกล่าว ที่ได้กำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อน หากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและกระทบต่อการให้บริการประชาชน สำหรับในส่วนของรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงาน พิจารณาความเหมาะสมของการกำหนดเป็นวันหยุดให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณีต่อไป

สำหรับวันหยุดราชการประจำปี 2565 จำนวน 19 วันมีดังนี้ วันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม, วันหยุดชดเชยวันขึ้นปีใหม่ 3 มกราคม, วันมาฆบูชา 16 กุมภาพันธ์, วันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ 6 เมษายน, วันสงกรานต์ 13-15 เมษายน รวม 3 วัน, วันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม, วันพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เดือนพฤษภาคม ซึ่งทางสำนักพระราชวังจะประกาศว่าเป็นวันไหนเป็นปีๆไป, วันวิสาขบูชา 15 พฤษภาคม, วันหยุดชดเชยวันวิสาขบูชา 16 พฤษภาคม, วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน, วันอาสาฬหบูชา 13 กรกฎาคม, วันเข้าพรรษา 14 กรกฎาคม, วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม, วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงและวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม, วันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13 ตุลาคม, วันปิยมหาราช 23 ตุลาคม, วันหยุดชดเชยวันปิยมหาราช 24 ตุลาคม, วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม, วันรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม, วันหยุดชดเชยวันรัฐธรรมนูญ 12 ธันวาคม และวันสิ้นปี 31 ธันวาคม

สำหรับวันหยุดประจำภาค ในปี 2564 ที่ ครม. เคยกำหนดให้หยุดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวนั้น ในปี 2565 ยังไม่ได้กำหนดเป็นวันหยุดประจำภาค ซึ่งในปี 2565 จะมีการประเมินสถานการณ์และประกาศกำหนดล่วงหน้าเมื่อมีจังหวะที่สมควร นอกจากนี้ครม. ยังเห็นชอบกำหนดให้วันอังคารที่ 28 ธันวาคม 2564 เป็นวันหยุดราชการประจำภาคตะวันออก ซึ่งเป็นวันพระเจ้าตากสินมหาราช

และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th/th หรือโทร. 02-618-2323

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ร่วมแสดงความคิดเห็น