ข่าวปลอม! เกี่ยวกับประเด็นเอกสารจากธปท. ชักชวนประชาชนร่วมลงทุนทำธุรกิจ

วันที่ 9 พ.ย. 64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันข้อมูลว่าเป็นข่าวปลอม เพิ่มเติม 1 กรณีคือ
กรณีที่มีการโพสต์และแชร์ภาพเอกสาร เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง เอกสารจากธปท. ชักชวนประชาชนร่วมลงทุนทำธุรกิจ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงการคลัง พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

จากกรณีเอกสารที่มีการใช้ตราสัญลักษณ์ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเนื้อหาในเอกสารเป็นการชักชวนให้ลงทุนทำธุรกิจ มีเงินทุนสูง พร้อมทั้งระบุว่าได้รับอนุญาตจากแบงก์ชาติแล้วนั้น ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและชี้แจงว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม ที่ไม่ได้ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ได้มีการทำธุรกรรมทางการเงิน (ฝาก ถอน โอน หรือให้สินเชื่อ ฯลฯ) โดยตรงกับประชาชนทั่วไป

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.bot.or.th หรือโทร. 02-283-5353

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ธปท. ไม่ได้เป็นผู้ออกเอกสารดังกล่าว อีกทั้งไม่ได้มีการทำธุรกรรมทางการเงิน (ฝาก ถอน โอน หรือให้สินเชื่อ ฯลฯ) โดยตรงกับประชาชนทั่วไป

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ร่วมแสดงความคิดเห็น