ข่าวปลอม!! รัฐบาลเก็บภาษีรถกระบะ 2 ประตู หรือ กระบะแค๊ป เท่า 4 ประตู

วันที่ 14 พ.ย. 64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันข้อมูลว่าเป็นข่าวปลอม เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง รัฐบาลเก็บภาษีรถกระบะ 2 ประตู หรือ กระบะแค๊ป เท่า 4 ประตู ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

กรณีการโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนการเก็บภาษีรถ ที่ระบุว่ารถกระบะ 2 ประตู หรือกระบะแค๊ป ต้องเสียภาษีเท่ารถกระบะ 4 ประตูนั้น ทางกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ได้ทำการตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงว่า กรมการขนส่งทางบกยังคงจัดเก็บภาษีรถประจำปีในอัตราคงเดิมตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย โดยหากเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รถเก๋งหรือรถกระบะ 4 ประตู) จะเรียกเก็บตามขนาดความจุกระบอกสูบของรถยนต์ ส่วนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รย.2 หรือ รถตู้) และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รย.3 หรือ รถกระบะ 2 ประตู หรือ รถกระบะตอนเดียว หรือ กระบะแค๊ป) จะคิดอัตราภาษีรถตามน้ำหนักรถ

นอกจากนี้ ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกยังได้มีมาตรการส่งเสริมการใช้รถที่ใช้พลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า หรือใช้พลังงานทดแทนพลังงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือพลังงานอย่างประหยัด ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงโดยจัดเก็บภาษีประจำปีในอัตรากึ่งหนึ่งของอัตราตามที่กำหนดไว้

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ จาก กรมการขนส่งทางบก สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.dlt.go.th/th หรือ โทร.1584 ตลอด 24 ชั่วโมง

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : กรมการขนส่งทางบกยังคงจัดเก็บภาษีรถประจำปีในอัตราคงเดิมตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย โดยกระบะ 2 ประตู หรือ รถกระบะตอนเดียว หรือ กระบะแค๊ป คิดอัตราภาษีรถตามน้ำหนักรถ ส่วนรถกระบะ 4 ประตู เรียกเก็บตามขนาดความจุกระบอกสูบ

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ร่วมแสดงความคิดเห็น