สืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.ภูวนาถ ดวงดี ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ , พ.ต.ท.มนัสชัย อินทร์เถื่อน รอง ผกก.สส.ฯ , นำโดย พ.ต.ท.ตรีเพชร ป่าหวาย สว.สส.ฯ , พ.ต.ท.ศรีพิงค์ ไหวยะ สว.สส.ฯ, ร.ต.อ.ธีระศักดิ์ ธัญธราดล รอง สว.สส.ฯ ,ด.ต.ธนวินท์ พรหมวังขวา, ด.ต.จีรวัฒน์ อาสาหม้อ, ด.ต.สุรัชต์ สุวรรณรัตน์ , ด.ต.พยุง ยศสมบัติ , ด.ต.เกียรติชัย รุจิราภา , ส.ต.อ.ณัฐพล อุ่นเรือนพิงค์ ,ส.ต.อ.ฐากูร ชัยอินตาและส.ต.ท.ศุภชัย ภูวเดชชัยบัญชา
แกะรอยหลักฐานจากกล้องวงจรปิดบนถนนวิชยานนท์ ภายในตลาดวโรรส ตำบลช้างม่อย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ บันทึกภาพชายสองคนสวมหน้ากากอนามัย สวมหมวกปีก อำพรางใบหน้า ย่องเข้ามายังบริเวณแผงขายเครื่องประดับ ก่อนที่จะพากันมุดเข้าไปในร้านแล้วงัดตู้นำเครื่องประดับ ทั้งแหวนทอง สร้อยทองไมครอน ภายในร้านจนเกลี้ยงตู้ ก่อนจะหักกล้องวงจรปิดเพื่อทำลายหลักฐาน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา ตี 1 ของวันที่ 13พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังจากนั้นได้นำทรัพย์สินที่ได้ใส่กระเป๋าแล้วขี่รถจักรยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้หลบหนีไป
ต่อมาเมื่อเวลา 7.30น.วันที่ 13 พฤศจิกายน นางแสงหล้า พันธุ อายุ 60 ปี เจ้าของร้านได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ว่าแผงลอยขายเครื่องประดับร้านของเธอถูกงัดโดยมีทรัพย์สิน สร้อยคอทองคำไมครอน หนัก 10 บาท 6 เส้น สร้อยคอทองคำไมครอนน้ำหนัก 5 บาท จำนวน 2 เส้น สร้อยคอทองคำไมครอนหนักสามบาท 5 เส้น/ สร้อยคอทองคำไมครอนหนักสอง บาท 8 เส้น/ สร้อยคอทองคำไมครอนหนัก 1 บาท 12 เส้น แหวนไมครอนน้ำหนัก 50 สตางค์ 100 วง และแหวนแฟชั่น 60 วง รวมเป็นมูลค่า 18,730 บาท
ตำรวจชุดสืบสวนเมืองเชียงใหม่จึงลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุและแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดกระทั่งสามารถทราบตัวผู้ต้องหาคือ นายอนุสรณ์ อายุ 20 ปี และ นายเอ (นามสมมุติ) เยาวชนชายอายุ 14 ปี ได้ที่หอพักในอำเภอดอยสะเก็ดพร้อมของกลางทั้งหมดที่ขโมยไป ก่อนจะคุมตัวมาสอบสวนที่สภ.เมือง จากการสอบสวนผู้ต้องหานายอนุสรณ์ หรือบุ๊คให้การว่า ตนเป็นพ่อค้าขายเคสโทรศัพท์มือถือทางออนไลน์ วันเกิดเหตได้ไปดื่มสุรากับนายเอ นามสมมุติ เยาวชน อายุ 14 ปีผู้ต้องหาอีกคนจนเมา ทำให้เกิดความคึกคะนองจึงพากันไปงัดร้านขายเครื่องประดับและนำของทั้งหมดที่ได้กลับหอพักในอำเภอดอยสะเก็ดและเตรียมจะนำโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายแต่ไม่ทันได้โพสต์ขายก็มาถูกตำรวจจับกุมตัวก่อน
ตำรวจตั้งข้อหา ร่วมลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์โดยมอมหน้าเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร
ร่วมแสดงความคิดเห็น