ปภ.รายงานยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมใน 11 จังหวัด ประสานดูแลให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อเนื่อง

18 พ.ย.64 เวลา 09.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 11 จังหวัด โดยผลกระทบจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 10 – 18 พ.ย. 64 ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ตรัง ภูเก็ต และพังงา รวม 44 อำเภอ 140 ตำบล 610 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,174 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 5 ราย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 4 จังหวัด (ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และสงขลา) รวม 7 อำเภอ 20 ตำบล 78 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,151 ครัวเรือน ขณะที่อิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่ พายุไลออนร็อก พายุคมปาซุ และร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบน ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. – 17 พ.ย. 64 ทำให้น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 7 จังหวัด (หนองบัวลำภู อุบลราชธานี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนครปฐม) รวม 23 อำเภอ 242 ตำบล 1,593 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 90,458 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 35 ราย ภาพรวมสถานการณ์คลี่คลายในหลายพื้นที่แล้ว ระดับน้ำลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัด และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจความเสียหายเร่งระบายน้ำและให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 10 – 18 พ.ย. 64 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ตรัง ภูเก็ต และพังงา รวม 44 อำเภอ 140 ตำบล 610 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,174 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 5 ราย (ชุมพร 4 ราย นครศรีธรรมราช 1 ราย) ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่
4 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และสงขลา) รวม 7 อำเภอ 20 ตำบล 78 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,151 ครัวเรือน สถานการณ์ในภาพรวมระดับน้ำลดลง ดังนี้
ภาคกลาง 1 จังหวัด รวม 1 อำเภอ 1 ตำบล 6 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 115 ครัวเรือน
1.ประจวบคีรีขันธ์ น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอบางสะพาน รวม 1 ตำบล 6 หมู่บ้าน ปราชาชนได้รับผลกระทบ 115 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
ภาคใต้ 3 จังหวัด รวม 6 อำเภอ 19 ตำบล 72 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,036 ครัวเรือน
2.ชุมพร น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหลังสวน อำเภอสวี และอำเภอท่าแซะ รวม 15 ตำบล 66 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,876 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 4 ราย ระดับน้ำลดลง


3.สุราษฎร์ธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอท่าชนะ และอำเภอเกาะสมุย รวม 3 ตำบล 4 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 143 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
4.สงขลา น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอระโนด รวม 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 34 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
ขณะที่อิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่ พายุไลออนร็อก พายุคมปาซุ และร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. – 18 พ.ย. 2564 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่
7 จังหวัด ได้แก่ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนครปฐม รวม 23 อำเภอ 242 ตำบล 1,593 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 90,458 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 35 ราย แยกเป็น
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด รวม 3 อำเภอ 10 ตำบล 38 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผลกระทบ 761 ครัวเรือน ได้แก่
1.หนองบัวลำภู ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอโนนสัง รวม 6 ตำบล 15 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 188 ครัวเรือน
2.อุบลราชธานี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี และอำเภอวารินชำราบ รวม 4 ตำบล
23 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 573 ครัวเรือน


ภาคกลาง 5 จังหวัด รวม 20 อำเภอ 232 ตำบล 1,555 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 89,697 ครัวเรือน ได้แก่
3.สุพรรณบุรี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสองพี่น้อง และอำเภอบางปลาม้า รวม 28 ตำบล 267 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 23,053 ครัวเรือน
4.อ่างทอง ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอป่าโมก และอำเภอวิเศษชัยชาญ รวม 12 ตำบล 52 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,174 ครัวเรือน
5.พระนครศรีอยุธยา ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา อำเภอบางบาล อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน และอำเภอลาดบัวหลวง รวม 106 ตำบล 680 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 49,385 ครัวเรือน
6.ปทุมธานี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี อำเภอสามโคก และอำเภอลาดหลุมแก้ว รวม 25 ตำบล 81 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,176 ครัวเรือน


7.นครปฐม ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางเลน อำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน อำเภอกำแพงแสน และอำเภอดอนตูม รวม 61 ตำบล 475 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,909 ครัวเรือน
ภาพรวมสถานการณ์คลี่คลายแล้วในหลายพื้นที่ ระดับน้ำลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ สำหรับการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระดมสรรพกำลังในการระบายน้ำออกจากพื้นที่และดูแลให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ฯ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784”

ร่วมแสดงความคิดเห็น