หนุ่มไฮโซลำปาง รับทราบข้อกล่าวหา หลังมีผู้เสียหายกว่า 20 คน ร่วมลงทุนธุรกิจปิดไฟแนนซ์เข้าแจ้งความ ถูกหลอกสูญเงินมากกว่า 50 ล้าน

วันที่ 20 ธ.ค.64 ที่ด้านหน้า สภ.เมืองลำปาง ถ.จามเทวี ต.เวียงเหนือ อ.เมืองลำปาง นายปิยะพงษ์ หรือเบียร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ชาว จ.ลำปาง ได้เดินทางมาพร้อมทนายความเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน หลังจากที่มีผู้เสียหายกว่า 20 คนรวมตัวกันแจ้งความถูกนายปิยะพงษ์หลอกให้สูญเงินเป็นจำนวนมากกว่า 50 ล้านบาท ในลักษณะของการชวนลงทุน รับปิด บ-ช ย้ายไฟแนนซ์ ย้ายที่ดิน จำนำรถฯ


ซึ่งหลังจากที่นายปิยะพงษ์ได้รับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขลางค์นคร นำหมายศาลจังหวัดลำปาง เข้าควบคุมตัวเพื่อนำตัวไปฝากขังทันที เนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความไว้ทั้ง สภ.เมืองลำปาง และ สภ.เขลางค์นคร โดยกลุ่มบรรดาตัวแทนผู้เสียจำนวนกว่า 10 คน จากจำนวนทั้งหมดร่วม 20 คน ได้ติดตามไปเฝ้ารอที่ด้านหน้า สภ.เขลางค์นคร เพื่อขอพูดคุยกับนายปิยะพงศ์ หรือ เบียร์ แต่นายเบียร์ไม่ยอมให้สัมภาษณ์หรือพูดคุยใดๆ และได้ทำเรื่องขอประกันตัวออกไป ด้วยวงเงิน 9 แสนบาท ทำให้บรรดาผู้เสียหายไม่พอใจเป็นอย่างมาก


ตัวแทนผู้เสียหาย กล่าวว่า การเดินทางมาที่ สภ.เมืองลำปาง และ สภ.เขลางค์นคร ในวันนี้ เนื่องจากทราบว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวนายเบียร์ ได้แล้ว จึงต้องการมาพบและพูดคุยด้วย เนื่องจากต้องการคำตอบเกี่ยวกับเงินที่ตนเองได้ร่วมลงทุนไป และ ไม่อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ประกันตัว เพราะมูลค่าความเสียหายมากกว่า 50 ล้านบาท เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคดีดังกล่าว เนื่องจากมีผู้ใหญ่โทรศัพท์มาขอร้องว่าไม่ให้คัดค้านการประกันตัวด้วย และอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำคดีทั้งหมดที่มีผู้เสียหายมาแจ้งความรวมเป็นคดีเดียว เพื่อจะได้แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ พร้อมจะเดินหน้าเขาพบดีเอสไอ เพื่อขอให้เป็นคดีพิเศษต่อไป
ด้านนายปัณธวัฒน์ หนึ่งในผู้เสียหาย ที่นำเงินร่วมลงทุน 2 ล้านบาท เผยว่า ตนเองรู้จักกับนายปิยะพงศ์ หรือเบียร์ เมื่อมาชักชวนก็คิดว่าทำธุรกิจด้านนี้จริง ยอมรับโดยตอนแรกไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลได้แต่ฟังนายเบียร์บอกเล่าว่าทำธุรกิจร่วมกับนักลงทุนที่กรุงเทพฯหลายคน จึงตัดสินร่วมลงทุนด้วย ในช่วงแรกลงเงินไป 500,000 บาท เดือนแรกก็ได้กำไรกลับคืนมา จึงลงทุนเพิ่มไปเป็น 1 ล้านบาท ก็ได้กำไรกลับคืนมา จึงลงเพิ่มอีก 1 ล้าน รวมเป็น 2 ล้านบาท ถัดมานายเบียร์ขอลดกำไรและเริ่มขยายเวลา ตนเองเห็นว่าน่าจะไม่ดีแล้วกลัวเงินจะสูญจึงขอเงินลงทุนคืน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คืน และก็ติดต่อนายเบียร์ไม่ได้อีก ซึ่งมาทราบภายหลังว่านายเบียร์ น่าจะไม่ได้นำเงินไปลงทุนทำธุรกิจ แต่นำไปชักชวนคนอื่นให้มาร่วมลงทุนและนำเงินจากผู้ลงทุนรายใหม่มาหมุนจ่ายคืนให้กับผู้ลงทุนรายเก่า ซึ่งได้ทำร่วมกับนายภูเดชา แต่สุดท้ายเมื่อไม่ได้ทำธุรกิจก็ไม่มีเงินเข้าจึงทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินคืนได้และก็หลบหนีไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น