พม่าเริ่มปฏิบัติการทางอากาศต่อชนกลุ่มน้อย

ทหารรัฐบาลพม่า ส่งเครื่องบิน มิก – 29 เอสอี ( MIG-29SE ) 3 ลำถล่มที่ตั้งทหารกะเหรี่ยงอิสระ KNLA แรงระเบิดขนาดใหญ่ สั่นสะเทือนกระทบถึงไทย ยังไม่มีรายงานผลการโจมตีจากฝ่ายใด

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2564 แหล่งข่าว กองกำลังติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลพม่าในรัฐกะเหรี่ยง กลุ่ม KNLA เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2564 ห้วงเวลาระหว่าง 22.10 น.ถึง เวลา 23.15 น.เครื่องบินรบของทางการพม่า รุ่น มิก – 29 เอสอี ( MIG-29SE ) จากฐานบินเมือง มิงกะลาโดน เข้าโจมตีฐานที่มั่นของ กองกำลังติดอาวุธ KNLA สังกัด กองพลน้อยที่ 6 บ้านเลเตอก่อ จ.เมียวดี โดยได้ยินเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังเป็นระยะ ๆ

การสู้รบระหว่างทหารพม่ากับทหารกะเหรี่ยง LNLA โดยเฉพาะพื้นที่บ้านเลเตอก่อ จังหวัดเมียวดี ตรงบ้านดอนชัย หมู่ที่ 6 ตำบลแม่ตาว อ.แม่สอด ทหารพม่าได้ระดมยิงทหารกะเหรี่ยง และมีกระสุนอาวุธปืนค.120 ล้ำเข้ามาตกในเขตไทยบริเวณบ้านไร่ ริมฝั่งแม่น้ำเมย 4 – 5 นัด ทั้งนี้ฝ่ายทหารเมียนมาโดยมีเป้าหมายการยิงไปที่วัดเจ้าตอง ซึ่งเป็นวัดของราษฎรไทยสร้างไว้ในฝั่งเมียนมา เพราะทหารกะเหรี่ยงได้เข้าไปอยู่ในวัด และมีการวางระเบิดไว้รอบๆวัด เพื่อป้องกันทหารเมียนมาใช้กำลังบุกเข้าไป ขณะที่เหตุการณ์เครื่องบินทิ้งระเบิดกลางอากาศลงใส่หมูบ้านเลอเตก่อ เมื่อคืนที่ผ่านมา มีราษฎรกะเหรี่ยงได้รับบาดเจ็บ 10 คน สำหรับเหตุการณ์การสู้รบที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ลี้ภัยที่กลับไปแล้ว ก็กลับมาอีก ซึ่งวันนี้มีผู้ลี้ภัยจากบ้านผาลูน้อย บริเวณเมยโค้ง ตรงข้ามบ้านห้วยมหาวงศ์ ตำบลมหาวัน กว่า 1,000 คน

ก่อนหน้านั้น แหล่งข่าวสมาชิกระดับสูงของ กองกำลังกะเหรี่ยงอิสระ KNLA / KNU เปิดเผยว่า ทหารรัฐบาลเมียนมาร์ ได้มีการส่งเครื่องบิน ขับไล่แบบ F – 17 บินลาดตระเวนเข้ามาในพื้นที่เขตยึดครอง เขตมือตรอ ที่ตั้งของ กองพลน้อยที่ 5 ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน คาดว่าเป็นการบินลาดตระเวนเพื่อถ่ายภาพที่ตั้งทางทหารของ ฝ่าย KNLA ซึ่งการใช้เครื่องบิน ที่บินขึ้นจากสนามบินตองอู ของพม่า ได้มีการปฏิบัติการในลักษณะดังกล่าวบ่อยครั้ง

นอกจากการส่งเครื่องบินและโดรน บินมาสอดแนมที่ตั้งทางทหารของ กลุ่มกะเหรี่ยงอิสระ KNLA แล้ว ทางฝ่ายทหารรัฐบาลพม่า ยังมีการเสริมกำลังของทหารพม่า จากกองบัญชาการควบคุมที่ 8 ซึ่งประกอบด้วยทหารพม่าและ กองกำลังป้องกันชายแดนของพม่า ( BGF) เคลื่อนไหวเสริมกำลังโดย รถยนต์บรรทุกทหาร จำนวน 30 คัน ออกจากพื้นที่เขต อ.กามามอง มุ่งหน้ามายังพื้นที่ จ.ผาปูน เพื่อสนับสนุน ทหารพม่าในส่วนหน้าที่กำลังสู้รบกับทหารกะเหรี่ยงใกล้ แนวป้องกันของกองพลน้อยที่ 5 รัฐมือตรอ จ.ผาปูน
ในวันเดียวกัน ทางด้าน พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงกรณีที่การสู้รบบริเวณชายแดนเมียนมาได้รับสัญญาณหรือการแจ้งเตือนการลุกล้ำเข้ามาในเขตประเทศไทยหรือไม่ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้พบว่ามีเครื่องบิน หรืออากาศยานที่มีเจตนารมณ์หรือเป้าหมายเข้ามาในประเทศไทย ยังคงประสานงานกับหน่วยป้องกันเฝ้าระวังในพื้นที่ตามปกติ ยืนยันว่า รายงานล่าสุดก็ยังไม่มีบินล้ำเข้ามาในประเทศไทย

“ระบบป้องกันภัยทางอากาศของประเทศไทยมีความพร้อม และเราเห็นภาพที่ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งการให้ข้อมูลในลักษณะที่เป็นภาพ ไม่สามารถให้ได้ เพราะจะเกิดผลกระทบทั้งสองฝ่าย จะเป็นการชี้เป้าไปในทางที่ไม่เกิดประโยชน์กับไทย เขาไม่มีเจตนาลุกล้ำเข้ามา และเป็นเรื่องภายในประเทศเพื่อนของเรา เขาเป็นมิตรที่ดีกับเรา ทั้งนี้ ได้มีการประสานงานกันตลอด ตัวเลขเขตเฝ้าระวังเข้มข้น 50 ไมล์นั้นก็ไม่ได้เป็นกฎตายตัว เป็นเรื่องลักษณะทางภูมิประเทศ การเฝ้าระวังทางอากาศต้องดูเจตนาว่าเราตั้งใจที่จะพุ่งเข้ามาสู่เป้าหมายอะไรหรือไม่อย่างไร เราก็พิสูจน์ฝ่าย หากเครื่องบินนั้นมีการส่งแผนการบินที่ชัดเจน เราก็เฝ้าระวังและเฝ้าดูไม่ให้กระทบต่อแนวชายแดยของไทย เขาก็ปฏิบัติภารกิจในแนวชายแดนของเขา” โฆษกกองทัพอากาศ ระบุ

ร่วมแสดงความคิดเห็น