ข่าวปลอม!! คลื่นสัญญาณจากโทรศัพท์ 5G เป็นตัวกระตุ้นวัคซีนโควิด-19 ให้ทำอันตรายต่อร่างกาย

วันที่ 28 ธ.ค. 64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันข้อมูลว่าเป็นข่าวปลอม เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์เรื่อง คลื่นสัญญาณจากโทรศัพท์ 5G เป็นตัวกระตุ้นวัคซีนโควิด 19 ให้ทำอันตรายต่อร่างกาย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

กรณีการแชร์ข้อความระบุว่าคลื่นสัญญาณจากโทรศัพท์ 5G เป็นอันตราย และตอนนี้คลื่นดังกล่าวสามารถส่งสัญญาณไปกระตุ้นวัคซีนโควิด-19 ในร่างกายคน ทำให้ DNA เข้าสู่เซลล์ของร่างกาย และเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ได้ตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ในปัจจุบันยังไม่พบรายงานข้อมูล หรืองานวิจัยที่ระบุว่าสัญญาณจากโทรศัพท์ 5G ก่อให้เกิดอันตราย และส่งผลต่อวัคซีนป้องกันโควิด-19

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกสทช. สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.nbtc.go.th หรือโทร. 02 6708888

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ปัจจุบันยังไม่พบรายงานข้อมูล หรืองานวิจัยที่ระบุว่าสัญญาณจากโทรศัพท์ 5G ก่อให้เกิดอันตราย และส่งผลต่อวัคซีนป้องกันโควิด-19

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ร่วมแสดงความคิดเห็น