“กัปตันเจ” ขึ้นแท่นเป็นนักเตะอาเซียนคนที่ 2 ที่สามารถคว้าแชมป์, ดาวซัลโว และ ผู้เล่นทรงคุณค่า หรือ MVP ในทัวนาเมนต์เดียวกัน เมื่อวันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ภายหลังจากเกมที่ ทีมชาติไทย เสมอกับ ทีมชาติอินโดนีเซีย ด้วยสกอร์ 2-2 ในรอบรองชนะเลิศของศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียนหรือเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะ 2 นัดรวมสกอร์ 6-2 คว้าแชมป์สมัยที่ 6 ของทัพช้างศึก ได้สำเร็จ
นอกจากจะเป็นแชมป์สมัยที่ 6 ของทัพช้างศึกแล้วนั้น ยังเป็นแชมป์สมัยที่ 3 ของ “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ กัปตันทีมชาติไทยชุดนี้ ซึ่งเจ้าตัวทำไว้ในปี 2014 ,2016 และ 2020 ซึ่งนอกจากนี้เจ้าตัวยังคว้ารางวัล MVP หรือ ผู้เล่นทรงคุณค่าเป็นสมัยที่ 3 อีกเช่นกัน
อีกทั้งในการแข่งขันครั้งนี้เจ้าตัวคว้ารางวัลดาวซัลโว ร่วมกับ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ดาวยิงทีมชาติไทย , ซาฟาวี ราซิด ดาวยิงทีมชาติมาเลเซีย และ เบียนเวนิโด มารันยอน จากทีมชาติฟิลิปปินส์ โดยยิงไว้ที่ 4 ประตูด้วยกัน
ส่งผลให้ เมสซีเจ เป็นนักเตะคนที่ 2 ของอาเซียน ที่คว้าแชมป , ดาวซัลโว และ MVP ในทัวนาเมนต์ เดียวกัน ซึ่งคนแรกที่ทำได้นั้นก็คือ นอร์ อลัม ชาร์ ดาวยิงระดับตำนานของทีมชาติสิงคโปร์ ที่เคยทำได้ในปี 2007 ซึ่งทัวนาเมนต์นั้น นอห์ อลัม ชาห์ จัดคนเดียว 11 ประตู นำห่างอันดับ 2 อย่าง พิพัฒน์ ต้นกันยา และ ฟาน ธาน บิญ จาก เวียดนาม ไกลถึง 7 ประตู
ซึ่งทาง มาดามแป้ง ได้ออกมากล่าวขอบคุณผู้ใหญ่หลายๆ คนในวงการนี้ ไม่ว่าจะเป็น พลตํารวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลไทย ที่เปิดโอกาสให้ได้เป็นผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมชาติไทย
โดยยังกล่าวขอบคุณอีกหลายคน ซึ่งส่งข้อความมาให้กำลังใจทั้ง วนัสธนา สัจจกุล, “แป๊ะ” ถีรชัย วุฒิธรรม, กิตติรัตน์ ณ ระนอง ซึ่งทั้ง 3 คนเคยเป็นอดีตผู้จัดการทีมชาติไทยทั้งสิ้นนอกจากนี้ยังได้มีการกล่าวขอบคุณไปยัง เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ระวิ โหลทอง ประธานสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งสาเหตุที่ได้เอ่ยชื่อของทั้ง 2 ท่านนี้ “มาดามแป้ง” กล่าวว่า ทั้ง 2 ท่านเป็นคนที่ให้กำลังใจและให้คำปรึกษาอยู่เสมอนับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติไทย และได้กล่าวขอบคุณไปยังประธานสโมสรทั่วทั้งไทยลีกที่ปล่อยตัวนักเตะมารับใช้ชาติในครั้งนี้
ร่วมแสดงความคิดเห็น