อาจารย์หนุ่มมหาลัยดังลำปาง พร้อมแฟนสาว กุเรื่องถูกทำร้ายและโดนฉกเงินสด 4 แสนกว่าบาท

เป็นเรื่อง โอละพ่อ อาจารย์หนุ่มมหาลัยดังลำปาง พร้อมแฟนสาว กุเรื่องถูกทำร้ายและโดนฉกเงินสด 4 แสนกว่าบาทกลางดึก ตำรวจตรวจสอบพบมีพิรุธ จึงนำตัวเค้นสอบ ท้ายสุดรับว่าเป็นเรื่องแต่งขึ้น จึงถูกจับตัวพร้อมแฟนสาว

เมื่อเวลาประมาณ 20.05 น. วันที่ 26 มกราคม 2565 ตำรวจ สภ.เขลางค์นคร จ.ลำปาง รับแจ้งมีเหตุคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบสี/ยี่ห้อ/ทะเบียน ประกบผู้เสียหายที่ขี่รถจักรยานยนต์ แล้วถีบรถล้ม ทำร้ายร่างกายเหยื่อ ก่อนจะเอาเงินในกระเป๋าไป 4 แสนกว่าบาท เหตุเกิดเลยโรงงานปาเก้ ก่อนถึงทางเข้าบ้านจว้าก ถ.ลำปาง-แม่ทะ แล้วคนร้ายหลบหนีไป

ต่อมาทาง พ.ต.ท.วรเชษฐ์ สกิจกัน รอง ผกก.ป.สภ.เขลางค์ พร้อมด้วย ร.ต.อ.สุภัทรชัย นันต๊ะภาพ รอง สวป. ร.ต.อ.ณัฐนันท์ กิจปฐมานนท์ รองสว.สอบสวน  พร้อมชุดสืบสวนฯ สายตำรวจ ต.กล้วยแพะ เดินทางตรวจสอบถนนสายลำปาง-แม่ทะ เขตติดต่อ อ.เมือง-อ.แม่ทะ เขตบ้านกล้วยแพะ ม.2 ต.กล้วยแพะ อ.เมืองลำปาง เพื่อสอบสวนผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายก่อเหตุปล้นทรัพย์


เมื่อไปถึงพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีบรอนซ์ ทะเบียน ลำปาง ล้มคว่ำอยู่ข้างถนน โดยมีผู้เสียหายสองคนเป็นชาย 1 ราย หญิง 1 ราย อยู่ในที่เกิดเหตุ ทราบชื่อสองผู้เสียหายในเวลาต่อมาคือ นายอธิภพ อายุ 33 ปี ชาว ต. นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง และแฟนสาวคือ น.ส.ณัฐธิดา อายุ 30 ปี ชาว อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โดยเบื้องต้นให้การว่าตนเองเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของ จ.ลำปาง และก่อนเกิดเหตุได้ออกจากบ้านที่ อ.แม่ทะ  เพื่อเอาเงินสดประมาณ 430,000บาท พร้อมสัญญาซื้อที่ดินไปมอบให้เจ้าของที่ดินที่ตกลงซื้อขายที่ดินกัน ในเขต ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง

พอมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางเปลี่ยว ปรากฏว่ามีคนร้ายเป็นผู้ชายสองคนขับขี่รถฮอนด้าเวฟแดง ไม่ทราบทะเบียน สภาพเก่า ขับขี่ตามหลังแล้วประกบข้าง แต่ไม่ทราบว่าคนไหนใช้เท้าถีบจนรถล้มลงข้างทาง จากนั้นคนร้ายได้เข้ามาทำร้ายร่างกายซ้ำ ก่อนจะพากันหยิบเงินสดเป็นปึก ที่กระเด็นหลุดออกจากกระเป๋าสะพายผ้าสีขาวที่แฟนสาวสะพายไว้ ก่อนจะรีบขับขี่รถหลบหนีไป จากนั้นตนจึงโทรแจ้งให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบดังกล่าว

หลังการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขลางค์นคร และ กก.สส.ภ.จ. ลำปาง จากเหตุการณ์ที่สองผู้เสียหายให้การ พบข้อพิรุธหลายประการ และจากการสอบสวนต่อมาปรากฏว่า ผู้แจ้งเหตุดังกล่าวรับว่าเป็นการสร้างสถา นการณ์และพยานหลักฐานขึ้นเอง โดยไม่ได้เกิดเหตุชิงทรัพย์แต่อย่างใด เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้ดำเนินคดีกับผู้แจ้งเหตุทั้ง 2 คน โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการสืบสวนคดีอาญา ว่าได้มีการกระทำความผิด โดยรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น และทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ เพื่อให้พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการสืบสวนคดีอาญาเชื่อว่าได้มีการกระทำความผิดอาญาเกิดขึ้น” ตึงควบคุมตัวตัวผู้ต้องหา นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขลางค์นคร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น