(มีคลิป) อธิบดี ยผ. ลงพื้นที่ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย มอบประกาศนียบัตร ผู้เข้าร่วมโครงการจัดรูปที่ดินฯ

เวลา 10.00 น. วันที่ 27 ม.ค. 65 นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นประธานในพิธีมอบใบประกาศเกียรติคุณ โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ บริเวณเทศบาลตำบลเวียงชัย อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียง ราย เพื่อมอบให้กับเจ้าของที่ดินที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยมี นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้การต้อนรับ โดยโครงการดังกล่าวถือเป็นก้าวแห่งความสำเร็จ ในการพัฒนาเมืองแบบราษฏร์-รัฐร่วมพัฒนา ตามที่วางผังเมืองไว้อย่างเป็นระบบ สร้างโครงข่ายคมนาคมและขนส่งที่สมบูรณ์ เปิดพื้นที่ตาบอดให้สามารถเข้าถึง และใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้ ช่วยเพิ่มมูลค่าที่ดิน และสามารถพัฒนาเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเจ้าของที่ดินยังมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินของตนเอง นำมาซึ่งประโยชน์แก่เจ้าของที่ดินและชุมชน

นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ ถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญที่กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเมืองตามผังเมือง ที่เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนด้วยการ ร่วมคิด ร่วมสร้าง ร่วมพัฒนาเมือง ระหว่างกลุ่มเจ้าของที่ดินกับหน่วยงานภาครัฐ โดยใช้พระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. 2547 ส่งเสริมให้ประชาชนนำที่ดินตาบอด ที่ดินรกร้าง สาธารณูปโภคเข้าไม่ถึง มาร่วมกับภาครัฐพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของชุมชน เช่น ถนน ไฟฟ้า ประปา สวนสาธารณะ หรือบริการสาธารณะต่างๆ ที่ได้มาตรฐาน เข้าถึงที่ดินทุกแปลง เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเจ้าของที่ดินยังคงกรรมสิทธิ์ไว้ เน้นการร่วมพัฒนาระหว่างประชาชนกับภาครัฐ จึงไม่จำเป็นต้องมีการเวนคืนที่ดิน

จังหวัดเชียงราย มีโครงสร้างเศรษฐกิจที่หลากหลาย มีศักยภาพในการพัฒนา มีการวางผังโครงข่ายคมนาคมที่ดี แต่ในเขตเมืองยังไม่ได้รับการพัฒนาที่ดินเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มีปัญหาที่ดินตาบอดและที่ดินว่างเปล่าหลายบริเวณ โดยพื้นที่โครงการฯ เป็นพื้นที่ศูนย์กลางของอำเภอเวียงชัย ตั้งอยู่บริเวณหลังที่ว่าการอำเภอเวียงชัย ซึ่งเป็นอำเภอที่ติดกับเทศบาลนครเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย ปัจจุบันเริ่มมีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านจัดสรรจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของเมืองเชียงราย แต่พื้นที่ดังกล่าวยังไม่ได้รับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เหมาะสมกับประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดินที่กำหนด สภาพก่อนดำเนินโครงการแปลงที่ดินส่วนใหญ่เป็นที่ดินตาบอด ไม่มีการพัฒนา ทำเกษตรกรรมประเภทไร่นาเป็นส่วนใหญ่

กรมโยธาธิการและผังเมือง โดยสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย จึงร่วมกับเทศบาลตำบลเวียงชัย และเจ้าของที่ดิน ดำเนินการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ (บริเวณสองฟากถนนโครงการสาย ก 5 ซึ่งเป็นแนวถนนโครงการตามผังเมืองรวมชุมชนเวียงชัย) บนพื้นที่โครงการ 87 – 3 – 8 ไร่ จำนวนแปลงที่ดิน 22 แปลง เจ้าของที่ดิน 14 ราย เชื่อมโยงการคมนาคมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1299 กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1173 ทำให้ระบบโครงข่ายคมนาคมขนส่งในตัวชุมชนเวียงชัยมีความสมบูรณ์ ระบายการจราจรจาก ถนนสายหลักสู่พื้นที่เชื่อมต่อภายนอกไปสู่อำเภอเมืองเชียงรายและอำเภอพญาเม็งราย

หลังดำเนินโครงการมีพื้นที่สาธารณะ ได้แก่ ถนนโครงการตามผังเมืองรวม สาย ก 5 เขตทาง 12 เมตร 2 ช่องจราจร ความยาว 941 เมตร มีทางเท้า ระบบไฟฟ้า ระบบระบายน้ำ และไฟส่องสว่างทั้ง 2 ฟากถนน เปิดพื้นที่รองรับการพัฒนาเมือง ส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณใกล้ศูนย์กลางเมือง เป็นพื้นที่รองรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยชั้นดีของเวียงชัย ซึ่งมีราคาที่ดินก่อนโครงการประมาณ ตารางวาละ 1,000 บาท และหลังดำเนินโครงการแล้วราคาที่ดินในโครงการมีราคาประมาณ 3,000 บาทต่อตารางวา

ทั้งนี้ โครงการฯ ได้มอบหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินแก่เจ้าของที่ดินทุกรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ประกาศการสิ้นสุดโครงการในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 รวมถึงเปิดให้ประชาชนชาวเชียงราย ใช้ถนนและส่งมอบให้ท้องถิ่นเพื่อใช้ให้เป็นประโยชน์แก่สาธารณะเรียบร้อยแล้ว นับเป็นความภาคภูมิใจในความสำเร็จของการพัฒนาเมือง จากการมีส่วนร่วมของพี่น้องชาวเชียงรายกับโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดเชียงรายแห่งนี้ ซึ่งทำให้เกิดการปรับโฉมพื้นที่ตาบอด รองรับการขยายตัวของเมือง มุ่งสู่เวียงชัย ‘เมืองที่อยู่อาศัยชั้นดี’

ด้านนายสุทัศน์ ไชยแก้ว อายุ 66 ปี หนึ่งในกลุ่มชาวบ้านที่เข้าร่วมโครงการ เผยว่า เดิมตนมีพื้นที่อยู่บริเวณนี้ พื้นที่ประมาณ 4 ไร่ แต่ก่อนราคาประมาณไร่ละ 4 แสนบาท แต่พอทางกรมโยธาฯได้ดำเนินการจัดรูปที่ดินเข้ามา ก็มีเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาพูดคุย ตนก็เห็นควรว่าเป็นโครงการที่มีประโยชน์ เพราะจะทำให้พื้นที่ตาบอดได้มีเส้นทางสัญจร ตนก็เลยสละที่ดินส่วนตัวประมาณ 1 ไร่ จากทั้งหมด 4 ไร่ เพื่อสร้างเป็นถนนดังกล่าว ซึ่งหลังโครงการเดินหน้าสำเร็จก็ส่งผลให้ราคาที่ดินในพื้นที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าเท่าตัว จากราคา 4 แสน ตอนนี้มีนายทุนมาติดต่อซื้อในราคาไร่ละ 1 ล้านบาท และยังจะมีโครงการพัฒนาที่จะเข้ามาในอนาคตอีก

ร่วมแสดงความคิดเห็น