(มีคลิป) ตร.รวบหนุ่มขนยาบ้า 2 ล้านกว่าเม็ด หลบหนีได้ 5 ปีไม่รอด

เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 15.45 น. อำนวยการจับกุมโดย พล.ต.ต.ดุลเดชา อาชวะสมิตระกูล ผบก.ภ.จ.น่าน , พ.ต.อ.ชาตรี หทยะวัฒน์ ผกก.สภ. เมืองน่าน, พ.ต.ท.จักรพงษ์ วงค์ไชย รอง ผกก.สส., ร.ต.อ.สมาน ไข่คำ รอง สว.สส., ร.ต.อ.อนุรักษ์ ขันแก้ว รอง สว.สส., พ.ต.ท.อุทัย วงค์คำแสน รอง ผกก.สส.ภ.จ.น่าน ว่าที่ พ.ต.ต.ชวลิต ประพันธ์ สว.ตม.จ.น่าน, ร.ต.ท.ปริเวศน์ สุวรรณเจริญ รอง สว.ตม.จ.น่าน, ร.ต.ต.ศิโรจน์ กันใจมา รอง สว.ส.ทท.3 กก.2 บก.ทท.2,ด.ต.ทวีชัย ยาใจ ผบ.หมู่ฯ พร้อมด้วย จนท.ตร.ชุดสืบสวน สภ.เมืองน่าน จำนวนหนึ่ง

ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายสุนทร อายุ 24 ปี อาศัยอยู่ที่หมู่ 9 ต.น้ำพาง อ.แม่จริม จ.น่าน ได้ที่บริเวณหน้าห้องเช่าไม่ทราบเลขที่ หลังร้านสะดวกซื้อ ชุมชนบ้านช้างเผือก ถ.มหายศ ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน (ผู้ต้องหา) ตามหมายจับศาลจ.เชียงราย ลงวันที่ 9 ส.ค. 2560 โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า และไอซ์ หรือเมทแอมเฟตามีน)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

โดยเหตุเกิด  เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 60 เวลา 23.00 น. พ.ต.ท.ผดุงเกียรติ ปัณฑรนนทกะ ผบ.ร้อย ตชด.327 อ.แม่จัน จ.เชียงราย สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตชด.327 ร่วมกับ พ.ต.อ.ธานี กุลวัฒน์ ผกก.สภ.แม่จัน จัดชุดตำรวจชุดปฏิบัติการ 191 สภ.แม่จัน ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนถนนสายเชียงแสน-กิ่วพร้าว ตรงสามแยกบ้านกิ่วพร้าว ม.4 ต.จันจว้าใต้ อ.แม่จัน เพื่อสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมาย หลังจากสืบทราบว่าขบวนการค้ายาเสพติด อาจจะใช้เส้นทางนี้ซึ่งสามารถเชื่อมชายแดน สู่ถนนสายแม่จัน-ดอยหลวง เพื่อเลี่ยงด่านตรวจสำคัญบนถนนสายหลักได้

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์กระบะ สีขาว ทะเบียน น่าน ขับผ่านมามุ่งหน้าจะไปทาง อ.เมืองเชียงราย จึงให้สัญญานหยุดตรวจ แต่รถคันดังกล่าวกลับหยุดรถลงกระทันหัน และพยายามขับถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นผิดสังเกตุ จึงพากันออกไล่ติดตามไป ทำให้รถที่ถอยหลังไปในความมืดไม่เห็นทางไปชัดเจน และชนเข้ากับเสาหลักกิโลเมตรที่ตั้งอยู่ข้างทาง จนไม่สามารถถอยต่อไปได้

จากนั้นคนที่อยู่ในรถเป็นชาย จำนวน 2 คน ได้เปิดประตูรถและพากันวิ่งหลบหนีออกจากรถไปอย่างรวดเร็ว โดยอาศัยความมืดหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบที่รถ พบกระสอบฟางสีขาวและสีลาย จำนวนประมาณ 10 ใบ วางอยู่ตรงกระบะหลังรถ เจ้าหน้าที่จึงเปิดดูปรากฎว่าภายในบรรจุยาเสพติดประเภทยาบ้าอยู่เต็มรวมประมาณ 2 ล้านเม็ด จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางก่อนนำทั้งหมดส่ง สภ.แม่จัน และออกติดตามจับกุมคนที่หลบหนี เพื่อดำเนินคดีและขยายผลตามกฎหมาย

โดยที่ จนท.ตร.ชุดจับกุม สืบทราบว่า นายสุนทร อายุ 24  ปี (ผู้ต้องหาในคดีนี้) เป็นผู้ต้องหาคนสำคัญในคดียาเสพติด และเป็นบุคคลผู้มีหมายจับของศาลจ.เชียงราย ได้เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่เขตรับผิดชอบของ สภ.เมืองน่าน เป็นบางครั้ง เนื่องจากมีภรรยาและลูกสาวอยู่ที่บ้านปางเป๋ย หมู่ 6 ต.สะเนียน อ.เมือง จ.น่าน โดยสืบสวนหาข่าวและเฝ้าติดตามสะกดรอยหา นายสุนทร อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 3 เดือน จนต่อมาทราบว่า นายสุนทร ได้มาตามหาภรรยาชาวบ้านปางเป๋ยฯ ที่ได้ทำงานเครื่องเงินที่โรงงานบ้านห้วยลี่ หมู่ 3 ต.สะเนียน อ.เมือง จ.น่าน ซึ่งไม่พบแล้วได้หลบหนีออกไป จึงได้ทำการติดตามจนทราบว่าได้หลบพักอยู่ในห้องเช่าไม่ทราบเลขที่ หลังดังกล่าว

ร.ต.อ.ธนดล อินทรประดิษฐ์ รอง สว.สส.สภ.เมืองน่าน เห็นนาย สุนทร อายุ 24 ปี (ผู้ต้องหา) ท่าทางมีพิรุธ ต้องสงสัยและมีลักษณะตำหนิรูปพรรณตรงตามหมายจับ อยู่ภายในห้องเช่าฯ ร.ต.อ.ธนดล อินทรประดิษฐ์ รอง สว.สส.สภ. เมืองน่าน, ร.ต.อ.อนุรักษ์ ขันแก้ว รอง สว.สส.สภ.เมืองน่าน ได้เข้าพบและแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เชิญผู้ต้องหาออกมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บริเวณหน้าห้องฯ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำหมายจับมาแสดงให้ผู้ต้องหาดู และส่งให้ผู้ต้องหาอ่านเอง โดยได้ทำการตรวจสอบตามหมายจับ สอบถามผู้ต้องหาทราบและเข้าใจในหมายจับ พบว่าผู้ต้องหามี ชื่อ/ที่อยู่/นามสกุล ตรงตามหมายจับที่ได้แสดง

และผู้ต้องหาไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน ตามข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า และไอซ์ หรือเมทแอมเฟตามีน)ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย(ตามหมายจับศาล จ.เชียงราย ลงวันที่ 9 ส.ค. 2560) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งให้ผู้ต้องหาทราบว่า จะต้องถูกควบคุมตามหมายจับนี้ ซึ่งได้แจ้งสิทธิเบื้องต้นและข้อกล่าวหาตามหมายจับให้ผู้ต้องหาทราบ ควบคุมตัวผู้ต้องหา มาที่ สภ.เมืองน่าน ทำบันทึกการจับกุม

ซึ่งในการจับกุมผู้ต้องหา ทราบสิทธิเบื้องต้นและข้อกล่าวหาแล้ว ให้การ-รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยสมัครใจของผู้ต้องหาเอง และได้แจ้งให้ผู้ต้องหาทราบว่า จะต้องถูกควบคุมตามหมายจับนี้ ได้แจ้งสิทธิเบื้องต้นและข้อกล่าวหาตามหมายจับให้ผู้ต้องหาทราบ ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่ง พงส.สภ.แม่ จัน จ.เชียงราย เพื่อดำเนินคดีกันต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น