วันที่ 7 ก.พ. 65 รายงานข่าวแจ้งว่า นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดคิกออฟฉีดวัคซีนกลุ่มเด็กอายุ 5-12 ปี โดยเด็กกลุ่มแรกของจังหวัดเชียงใหม่ที่ได้รับวัคซีนเป็นนักเรียนที่มีความบกพร่องทางร่างกายที่โรงเรียนศรีสังวาลย์ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในกลุ่มเด็กเปราะบาง จำนวน 43 คน มีทีมแพทย์พยาบาลจากโรงพยาบาลสันทรายเข้าไปให้บริการฉีดวัคซีนภายในโรงเรียน โดยมีคุณครูและนักเรียนรุ่นพี่ที่ได้รับฉีดวัคซีนไปก่อนหน้ามาคอยให้กำลังใจ
ทั้งนี้ทางด้าน นางพวงทอง ศรีวิลัย ผู้อำนวยการโรงเรียนศรีสังวาลย์ บอกว่า โรงเรียนเป็นโรงเรียนกลุ่มการศึกษาพิเศษ มีนักเรียนอายุ 5-ไม่เกิน 12 ปี ทั้งหมด 56 คน ผู้ปกครองสมัครใจให้ฉีดวัคซีน 43 คน ส่วนที่เหลืออายุ 12 ปี ขึ้นไป จำนวน 249 คน และ บุคลากรครูและเจ้าหน้าที่ทุกคน ได้รับวัคซีนคนละ 2 เข็ม ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยวัคซีนที่ได้รับจะช่วยให้เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ และ มีความเสี่ยงกว่ากลุ่มอื่นหากติดเชื้อโควิด-19 ได้มีภูมิคุ้มกัน
ขณะที่ทางด้าน นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กมาแล้ว 6,000 โดส และ จะได้เพิ่มอีก 6,000 โดสในวันนี้ รวมเป็น 12,000 โดส วันนี้เป็นวันคิกออฟ เริ่มจากกลุ่มเด็กพิการที่มีความเสี่ยงและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ส่วนที่เหลือจะถูกกระจายให้กับเด็กที่มีอาการป่วยเจ็ดกลุ่มโรค ประมาณ 1,500 คน จากนั้นจะฉีดให้กับกลุ่มเด็กปกติ โดยจะเริ่มจากนักเรียน ป.6 ลงมาถึง ป.3 ตามลำดับและจะพยายามฉีดให้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์โดยเร็วที่สุด
ส่วนที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดอนุญาตให้เปิดเรียนแบบออนไซต์และมีโรงเรียนทยอยเปิดเพิ่มมากขึ้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากมีแผนรองรับตามาตรการที่กำหนดและทางจังหวัดต้องการให้เด็กได้มีโอกาสเข้าเรียนเพราะช่วงนี้เป็นช่วงรอยต่อการสอบเลื่อนชั้น โดยทุกโรงเรียนมีมาตากรเข้มข้น ส่วนที่พบนักเรียนในโรงเรียนหลายแห่งติดเชื้อโควิด-19 ทางจังหวัดมีมาตรการรองรับ ทั้งการใช้โฮมไอโซเลชั่นหรือสคูลไอโซเลชั่น โรงเรียนไหนพบเด็กติดเชื้อก็ต้องปิดเป็นช่วงชั้น หากพบการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนก็จะมีทีมควบคุมโรคเข้าดูแล ทั้งนี้จังหวัดเชียงใหม่ต้องเดินหน้าและการศึกษามีความสำคัญ
สำหรับจังหวัดเชียงใหม่มีนักเรียนอายุ 5- ไม่เกิน 12 ปี จำนวนทั้งหมด 152,064 คน ผู้ปกครองสมัครใจยินยอมให้ลูกหลานฉีดวัคซีนจำนวน 87,137 คนหรือคิดเป็นร้อยละ 57.30
ร่วมแสดงความคิดเห็น