(มีคลิป) เตือนภัยในเชียงใหม่ พบชาวต่างชาติ อ้างป่วยซื้อยา 1,000 กว่าบาท แต่กลับจะเอายาที่ซื้อมาขอรีฟันเงินคืน

หนุ่มโพสต์เตือนภัยในเชียงใหม่ เจอชาวต่างชาติ อ้างป่วยเดินมาขอความช่วยเหลือพาไปซื้อยา 1,000 กว่าบาท แต่กลับจะเอายาที่ซื้อมาขอรีฟันเงินคืน เจ้าตัวเห็นมีพิรุท ถ่ายภาพสุดท้ายบ่ายเบี่ยงเดินหนี คาดเป็นมิจฉาชีพ โซเชี่ยลแฉ เคยเจอเคยลักษณะนี้หลายพื้นที่

วันที่ 11 ก.พ. 65 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่ขณะนี้บนโลกโซเชี่ยล ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ชื่อว่า “Elle Phatcharatanawat” ที่ได้โพสต์ภาพพร้อมเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเที่ยงวานนี้ (10 ก.พ. 65) จากการที่ตนได้นั่งทานอาหารอยู่กับเพื่อนที่บริเวณฟู้ด คอร์ท ภายในโครงการวันนิมมาน แต่แล้วจู่ๆ ได้มีชายชาวต่างชาติลักษณะคล้ายคนอินเดีย เข้ามาพูดคุยกับตน แล้วขอความช่วยเหลือโดยบอกว่าตัวเองป่วยต้องการยารักษา แต่ต่อมากลับกลายเป็นลักษณะคล้ายมิจฉาชีพมาหลอกลวง

โดยในโพสต์ระบุว่า “เตือนภัยเชียงใหม่!! ยาวหน่อยนะ วันนี้ในขณะที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่ one nimman อยู่ๆ ก็มีคนอินเดียเดินเข้ามาถามเราว่า “พูดภาษาอังกฤษได้ไหม เราก็บอกว่าได้ มีอะไรให้ช่วยไหม”

พอเราตอบว่า พูดได้ จากนั่นเขาก็เริ่มดราม่า บอกว่าป่วย ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราช เงินไม่พอหมอเลยออกใบสั่งยามาให้เป็นกระดาษ
เขียนชื่อยา ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมราคา อยู่ที่ประมาณ 850 บาท ตอนแรก เราก็ไม่เชื่อนะ ว่ามันป่วยจริงไหม จากนั้นเขาก็เปิดเสื้อขึ้น แล้วโชว์ให้เห็นถุงเลือดที่หน้าท้อง พร้อมทั้งทำเสียงเหมือนจะร้องไห้

เราก็เลยบอกไปว่าไม่มีเงินสด แต่ถ้าป่วยจริงๆ เราจะพาไปซื้อยา เขาก็บอกว่า โอเค งั้นไปซื้อยากัน เราจึงลุกขึ้นและไปพร้อมเขา โดยเราพาเพื่อนไปด้วย เพราะในใจก็แอบกลัวว่ามันจะหลอกไหม

พอถึงร้านยา เขาก็สั่งยาตามที่หมอสั่ง และพยายามจะเลือกยาแพงๆ ยอดออกมาประมาณ 1000 กว่าบาท หลังจากซื้อยาเสร็จ เราจึงบอกเขาไปว่า คุณไปก่อนได้เลย เราขอรอใบเสร็จก่อน จากนั้นเขาก็บอกว่า ขอออกไปคุยด้วยข้างนอกหน่อย เราจึงเริ่มแปลกใจว่าทำไมต้องคุยข้างนอก

เราจึงบอกว่า ไม่ไป มีอะไรคุยกันตรงนี้
เขาจึงพูดขึ้นว่า ถ้าหมอบอกว่ายาใช้ไม่ได้ เขาจะเอามาเปลี่ยนได้ไหม?? เราจึงเริ่มแปลกใจละ ว่าจะเปลี่ยนทำไม เพราะเราซื้อยาตามที่สั่งให้แล้ว ดังนั้นเราจึงพยายามจะขอ ID เขา แต่เขาปฏิเสธ

เราเลยขอเขาถ่ายรูป จากนั้นเขาก็มีท่าทีเหมือนไม่พอใจ และบอกว่างั้นเอายาคืนไป อย่ามาถ่ายรูป จากนั้นเขาก็เดินหนีไปเลย ซึ่งพอเขาออกไป ก็มีคนอินเดียอีกคนใส่หมวกกันน็อคเข้ามาทำท่าทีจะซื้อยา เราคิดว่าเขาทำเป็นกระบวนการ ดีที่เราไม่เลือกเดินออกไปข้างนอก ที่เราออกมาโพสวันนี้เพื่อที่จะแชร์และเป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนให้ระวังคนเหล่านี้ด้วย เผื่อจะเจอหนักกว่าเราได้ เราควรป้องกันตัวเองและรอบคอบให้มากขึ้นครับ”

ขณะที่ในเวลาต่อมา ทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยัง เจ้าของโพสต์เรื่องราวดังกล่าว จนทราบชื่อคือ นายอัครวัฒน์ พัชรธนาวัฒ อายุ 30 ปี พร้อมทั้งได้พาผู้สื่อข่าวไปยังจุดเกิดเหตุและบริเวณร้านขายยาที่ชาวต่างชาติคนดังกล่าวเข้าไปติดต่อซื้อยาตามที่ปรากฏในโพสต์ และเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า ช่วงใกล้เที่ยงวานนี้ ตนกับเพื่อนได้มานั่งรับประทานอาหารที่บริเวณฟู้ด คอร์ท จู่ๆ ก็ได้มีชายชาวต่างชาติ ลักษณะเหมือนจะเป็นคนอินเดีย มาสอบถามกับตนว่า “สามารถพูดภาษาอังกฤษได้หรือไม่” ซึ่งตนก็ตอบไปว่าได้ แล้วตนก็ถามชายคนดังกล่าวไปว่าทีอะไรให้ช่วย หลังจากนั้นชายชาวต่างชาติคนนี้ก็ได้โชว์กระดาษซึ่งมีลักษณะคล้ายใบสั่งยาแต่เป็นการเขียนด้วยลายมือ และบอกว่าตัวเองกำลังป่วย ต้องการยารักษา พร้อมกับถามกับตนว่าพอที่จะมีเงินช่วยเหลือได้หรือไม่

จากนั้นตนได้บอกกับชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวว่า ตนไม่มีเงินสด แต่ถ้าหากต้องการยาก็จะพาไปซื้อ เนื่องจากตอนนั้นตนก็ไม่แน่ใจว่าบุคคลดังกล่าวเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ และชายคนดังกล่าวก็ได้เปิดแผลที่อยู่บริเวณหน้าท้องให้ดู โดยตนเห็นว่ามีลักษณะคล้ายกับถุงเลือด และมีสายยางต่อกับถุง แต่ตนก็ไม่กล้าดูอย่างละเอียด และชายคนคนนี้ก็บอกว่าตัวเองป่วย หลังจากนั้นตนจึงตั้งใจจะพาไปร้านยา แต่เหมือนกับว่าชายคนนี้ได้งางแผนไว้แล้วว่าจะไปที่ไหน และกลายเป็นว่าเจ้าตัวพาตนไปซื้อยา ซึ่งเป็นร้านที่อยู่ตรงข้ามกับโครงการวันนิมมาน

โดยเมื่อเข้ามาในร้านยา ชายชาวต่างชาติคนนี้ก็ได้มอบใบสั่งยาให้กับเภสัชกรในร้านดู อีกทั้งได้ไปเลือกซื้อยาเอง โดยยาที่เลือกซื้อนั้นส่วนใหญ่เป็นยาที่มีราคาค่อนข้างสูง จากในตอนแรกที่ยอดราคาอยู่ที่ประมาณ 800 กว่าบาท แต่หลังจากที่ชายต่างชาติคนนี้ไปเลือกยาเอง ก็ทำให้ยอดจ่ายขึ้นไปประมาณ 1,000 กว่าบาท หลังจากจ่ายเงินแล้วตนก็กำลังยืนรอใบบิลรายการซื้อยากับทางร้าน แต่ระหว่างนั้น ชายชาวต่างชาติกลับถามตัวเองว่า “เป็นไปได้ไหมหากไปหาหมอแล้วหมอแจ้งว่ายาดังกล่าวไม่สามารถใช้ได้ แล้วจะสามารถนำยามาคืนได้หรือไม่” ทำให้ตนเริ่มสงสัยแล้วว่าชายคนดังกล่าวป่วยจริงหรือไม่ พร้อมทั้งขอดู ID ผู้ป่วยกับทางชายคนดังกล่าว แต่ชายคนดังกล่าวก็เงียบ ตนจึงขอถ่ายรูปชายชาวต่างชาติคนนี้ แต่เจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงปฏิเสธ และเหมือนจะไหวตัวทัน ก่อนที่จะคืนยาแล้วรีบเดินออกจากร้านไป

นอกจากนี้ในช่วงที่กำลังรอจ่ายเงิน ตนได้สังเกตเห็นว่ามีชายอีก 1 คน สวมหมวกกันน็อคเข้ามาที่ร้าน ซึ่งมีลักษณะเป็นชาวต่างชาติ คล้ายกับชาวอินเดียเช่นกัน ทำทีเข้ามาซื้อของ และระหว่างนั้นชายชาวต่างชาติที่อ้างว่าตัวเองป่วย ก็ขอให้ตนออกไปคุยข้างนอกร้าน ตนก็สงสัยว่า ตนซื้อนาให้แล้ว ทำไมจะต้องคุยต่อ พร้อมทั้งปฏิเสธที่จะพูดคุยกับชายชาวต่างชาติคนนี้ และเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์มันเริมผิดปกติตนจึงพยายามถ่ายรผู้ชายชาวต่างชาติรายนี้ไว้ แต่ชายชาวต่างชาติรายนี้ก็ห้ามไม่ให้ถ่ายรูป แล้วรีบเอายาคืน ตนจึงเอายาที่จะซื้อรีฟันเงินคืน จึงทำให้ไม่เสียเงินกับค่ายาทั้งหมด

นายอัครวัฒน์ ยังบอกอีกว่า นอกจากนี้หลังจากที่ตนได้นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาโพสต์ลงโซเชี่ยล ก็ปรากฏว่ามีผู้พบเห็นมาบอกว่าเคยเจอเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้เหมือนกัน ในอีกสถานที่หนึ่ง ที่เป็นลักษณะเข้ามาขอเงิน หรือขอความช่วยเหลือ ตนจึงคาดว่ากลุ่มคนต่างชาติเหล่านี้น่าจะกระทำการในลักษณะดังกล่าวเป็นขบวนการ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ถือว่าคนโชคดีมากที่มาไหวตัวทัน และไม่ถูกหลอกให้เสียเงิน ส่วนการนำเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาโพสต์ลงโซเชี่ยล ก็เพื่ออยากที่จะเตือนภัยให้สังคมได้ทราบว่ามีบุคคลในลักษณะนี้ก่อเหตุอยู่ อย่างกรณีที่เกิดขึ้นนี้ตนเองแค่อยากจะช่วยเหลือคนที่กำลังลำบาก และเพียงอยากทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้น แต่พอมาเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ทำให้ตัวเองต้องระวังตัวมากขึ้น และไม่ควรไว้ใจคนแปลกหน้า

ขณะที่ทางด้านผู้สื่อข่าวได้เข้าสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่เภสัชกร ร้านยาที่เกิดเหตุดังกล่าว ได้ยืนยันว่า ชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวที่ปรากฎในโพสต์นั้นน่าจะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพชีพที่อาศัยหลอกลวงให้คนหลงเชื่อ ซึ่งในตอนแรกตนเห็นว่าชายชาวต่างชาติคนนี้มากับน้องผู้ชาย ก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าน้องผู้ชายนั้นน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ UN ที่ช่วยเหลือชาวต่างชาติ แต่ต่อมาหลังจากที่มีการจ่ายเงินค่ายาก็เริ่มผิดสังเกต จนกระทั่งน้องผู้ชายขอรีฟันเงินค่ายาคืน และมาเห็นโพสต์ที่แชร์กันในโซเชี่ยล และเมื่อตนได้ทำการแชร์โพสต์ก็ปรากฏว่ามีเพื่อนๆ คนรู้จักเข้ามาแสดงความคิดเห็น บอกว่าเคยเจอเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ทั้งที่ใน กทม. และในห้างสรรพสินค้า โดยส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติมาขอความช่วยเหลือในลักษณะเช่นนี้ นอกจากนี้มีทั้งคนที่ให้ความช่วยเหลือเพราะความเห็นใจ และถูกหลอกมาแล้วเช่นกัน จึงอยากฝากเตือนภัยสังคมด้วยว่าหากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้กับตน หรือมีชาวต่างชาติมาขอความช่วยเหลือในลักษณะนี้ ให้ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าควรช่วยเหลือหรือไม่ และหากไม่แน่ใจก็ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องให้มาตรวจสอบหรือให้ความช่วยเหลือจะดีกว่า

ร่วมแสดงความคิดเห็น