ทำการเกษตรต้องรู้ ! ใช้บริการวิเคราะห์ดิน ดีอย่างไรต่อการเกษตร

อาชีพเกษตรกร จะมีอะไรสำคัญไปกว่าการเห็นผลผลิตที่ปลูก และดูแล เจริญเติบโตงอกงาม ตามสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ฉะนั้นส่วนสำคัญที่ทำให้ผลผลิตดี ก็คือเรื่องของดินแต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะรู้ว่าดินที่ใช้ในการปลูกนั้น มีคุณภาพดี และส่งผลต่อผลผลิตแค่ไหน หากจะวิเคราะห์ดินด้วยตนเอง ผลก็อาจคลาดเคลื่อนได้ เพราะเหตุนี้ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรหลายคน จึงนิยมใช้บริการวิเคราะห์ดิน จากผู้เชี่ยวชาญ นอกจากได้ผลที่แม่นยำแล้ว ยังสามารถช่วยเลือกผลผลิตที่เหมาะกับที่เรามีได้อีกด้วย

 

https://unsplash.com/photos/IQVFVH0ajag

 

ทำไมต้องใช้ บริการวิเคราะห์ดิน

สำหรับผู้ประกอบการ และเกษตรกร มีความจำเป็นต้องตรวจสอบคุณภาพของดิน และกากอุตสาหกรรมโดยรอบโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อค้นหาการปนเปื้อนในดิน และน้ำใต้ดินภายในบริเวณโรงงาน ตัวผู้ประกอบการ หรือเกษตรกรจะต้องดำเนินการส่งดิน เพื่อเข้าสู่ระบบการตรวจวิเคราะห์ แล้วนำผลการตรวจสอบคุณภาพดิน และน้ำใต้ดินส่งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นขั้นตอนสำคัญที่แสดงถึงความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม และคนที่อยู่อาศัยโดยรอบอีกด้วย ในขั้นตอนเหล่านี้ หากไม่มีความรู้หรือเชี่ยวชาญมากพอ อาจทำให้ผลลัพธ์คลาดเคลื่อนได้ ฉะนั้นการบริการวิเคราะห์ดิน จะเป็นผู้ช่วยที่ดีสำหรับแปลงเพาะปลูกของคุณได้

 

การเก็บตัวอย่างดิน

สำหรับใครที่ใช้บริการวิเคราะห์ดินบางแห่ง อาจจะต้องส่งตัวอย่างดินไปให้ วันนี้เรามีวิธีการเก็บตัวอย่างดินแบบง่ายๆ มาฝากกัน

  1. ควรเก็บตัวอย่างดินหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว หรือก่อนเตรียมดินปลูกพืชครั้งต่อไป หากจะจัดส่งให้สำหรับหน่วยบริการวิเคราะห์ดินนั้น จะต้องเก็บก่อนวันนัดหมาย 1-2 สัปดาห์
  2. ควรเก็บตัวอย่างดินที่ไม่เปียกแฉะ หรือดินแห้งแข็งจนเกินไป ตัวอย่างดินที่ดี ควรมีความชื้นเล็กน้อย จะทำให้การขุดและเก็บตัวอย่างทำได้ง่ายขึ้น
  3. อุปกรณ์ที่เก็บตัวอย่างดินต้องสะอาด ไม่เปื้อนดิน ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ยาปราบศัตรูพืช หรือสารเคมีอื่น ๆ
  4. บันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับตัวอย่างดินของแต่ละตัวอย่างให้ชัดเจน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการให้คำแนะนำการจัดการดินที่ถูกต้อง

 

ดินที่ดี เป็นอย่างไร ?

  1. อินทรียวัตถุสูง

การวิเคราะห์ดินจะบอกได้ว่า ดินมีปริมาณอินทรียวัตุถุอยู่ที่เท่าไหร่ เพราะด้วยขุยอินทรียวัตถุ เป็นสิ่งที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของพืช เช่น ซากพืช ซากสัตว์ที่ย่อยสลายแล้วมาสะสมอยู่ในดิน จะช่วยทำให้ดินโปร่ง ร่วนซุย มีช่องว่างในเนื้อดินไว้เก็บอากาศและอุ้มน้ำ ทำให้พืชแตกรากดี ทำให้พืชเข้าดูดซึมธาตุอาหารได้ง่าย เป็นปัจจัยที่ช่วยให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์

  1. มีธาตุอาหารเพียงพอต่อการปลูก

ผลจากแลปบริการวิเคราะห์ดิน จะสามารถวิเคราะห์ได้ถึง สารอาหารที่สะสมอยู่ในดินของเรา โดยดินที่ดีจะมี ธาตุอาหารสำหรับพืช 13 ชนิด คือ N P K Ca Mg S Fe Mn Cu Zn B Mo และ Cl เป็นตัวธาตุสำคัญที่ทำให้พืชเจริญเติบโต แตกกิ่ง แตกกอ ผลิดอก ออกผล ให้ผลผลิตดี

  1. สภาพทางเคมีเหมาะสม

การวิเคราะห์ดินที่ดี จะมีสภาพเคมี กรด และด่างเป็นกลาง ซึ่งสำหรับพืชส่วนใหญ่ ช่วง pH ของกรดและด่าง ที่เหมาะสมจะมีค่าอยู่ระหว่าง 5.5 – 7.0 ในดินสภาพนี้จะช่วยให้ธาตุอาหารในพืชส่วนมากแตกตัว และเคลื่อนย้าย และเติบโตได้ดี แต่พืชบางชนิดต้องวิเคราะห์ต่อว่าชอบดินที่มีกรด หรือระดับด่างมากกว่ากัน

  1. มีน้ำอุดมสมบูรณ์

ดินที่ดีต้องมีน้ำพอเหมาะกับชนิดพืชที่ปลูก เพราะน้ำในดินทำหน้าที่ช่วยละลายธาตุอาหาร และเป็นตัวกลางให้พืชดูดซึมธาตุอาหารจากดินไปใช้ได้ ฉะนั้นแปลงน้ำในดิน ต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการหล่อเลี้ยงที่ใช้ในการเพาะปลูก

  1. สิ่งมีชีวิตในดิน

สุดท้ายคือการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของดิน โดยดูได้จากสิ่งมีชีวิตเล็กๆ จำพวกแมลง หรือไส้เดือนที่อยู่ในดิน ว่าสามารถเข้าไปอาศัยอยูได้หรือไม่ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะสัตว์เล็กๆ เหล่านี้ จะมีส่วนช่วยในการปรับสภาพดิน และส่งเสริมให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้นได้อีกทางหนึ่ง

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น