วิจัยพบการดื่ม “กาแฟ-ชา” อาจลดเสี่ยง “สโตรก-สมองเสื่อม”

เทียนจิ้น 17 ก.พ. (ซินหัว) – ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์เทียนจินของจีน พบว่าการดื่มกาแฟ หรือชา หรือการดื่มทั้งสองอย่าง อาจเกี่ยวข้องกับความเสียงที่ลดลงของโรคหลอดเลือดสมอง (stroke) และภาวะสมองเสื่อม (dementia) คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฯ ใช้ข้อมูลจากยูเค ไบโอแบงก์ (UK Biobank) ฐานข้อมูลชีวการแพทย์ และทรัพยากรการวิจัยของสหราชอาณาจักร เพื่อศึกษาผู้เข้าร่วมการสำรวจอายุ 50-74 ปี จำนวน 365,682 คน ซึ่งรายงานว่าตนมีพฤติกรรมการดื่มกาแฟและชา โดยการติดตามผลระยะเฉลี่ย 11.4 ปี สำหรับโรคระยะแรกเริ่ม พบว่าผู้เข้าร่วมจำนวน 5,079 คน มีภาวะสมองเสื่อม และผู้เข้าร่วม 10,053 คน เคยมีอาการหลอดเลือดสมองอย่างน้อยหนึ่งครั้ง

ผลการศึกษานี้ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารพีแอลโอเอส เมดิซิน (PLOS Medicine) พบว่าผู้ที่ดื่มกาแฟ 2-3 แก้ว หรือชา 3-5 แก้วทุกวัน หรือมทั้งกาแฟและชา 4-6 แก้ว มีอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง หรือภาวะสมองเสื่อมต่ำที่สุด

เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่มทั้งกาแฟและชา กลุ่มผู้ดื่มกาแฟ 2-3 แก้วและดื่มชา 2-3 แก้ว ในทุกวัน มีความเสี่ยงเป็น โรคหลอดเลือดสมองต่ำกว่าถึง ร้อยละ 32 และมีความเสี่ยงเกิดภาวะสมองเสื่อมต่ำกว่า ร้อยละ 28

ขณะเดียวกัน ผลการศึกษายังชี้ว่าความเสี่ยงที่จะมีภาวะสมองเสื่อม หลังจากเป็นโรคหลอดเลือดสมองซึ่งลดต่ำลงนั้น มีความเกี่ยวข้องกับการดื่มกาแฟเพียงอย่างเดียว หรือดื่มกาแฟร่วมกับชา

คณะนักวิจัยยังประเมินความเชื่อมโยงของประเภทของกาแฟ กับโรคหลอดเลือดสมอง และภาวะสมองเสื่อม โดยจากการศึกษากาแฟบด การแฟสำเร็จรูป และกาแฟไม่มีคาเฟอิน พบว่าผู้ดื่มกาแฟบดเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่ลดลงอย่างมาก ในการเกิดภาวะสมองเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ และภาวะสมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมอง

อนึ่ง กาแฟอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ขณะที่ชามีคาเฟอีนและคาเทซิน (catechin) ซึ่งมีคุณสมบัติปกป้องระบบประสาท เช่น มีฤทธิ์ต้านความเครียด ที่เกิดจากออกซิเดชั่น และฤทธิ์ต้านการอักเสบ

ร่วมแสดงความคิดเห็น