ผู้ว่าฯ เมืองสามหมอก เปิดเสวนาโครงการ “สร้างป่าสร้างรายได้”

แม่ฮ่องสอน จัดเสวนาโครงการสร้างป่า สร้างรายได้ เป็นโครงการตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธาร ที่ถูกทำลาย โดยให้ประชาชนร่วมฟื้นฟูป่า เป็นผู้รักษาป่า และอยู่กับป่าอย่างกลมกลืนแบบมีส่วนร่วม รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565 ที่สถาบันราชภัฏเชียงใหม่ วิทยาเขตแม่ฮ่องสอน นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เดินทางไปเป็นประธานโครงการเสวนาโครงการสร้างป่า สร้างรายได้ เป็นโครงการตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธาร ที่ถูกทำลาย โดยให้ประชาชนร่วมฟื้นฟูป่า เป็นผู้รักษาป่า และอยู่กับป่าอย่างกลมกลืนแบบมีส่วนร่วม รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

การเสวนาดังกล่าว จัดขึ้นโดย สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 แม่ฮ่องสอน โดยมี นายกรัณย์พล แสงทอง ผู้อำนวยการ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 สาขาแม่ฮ่องสอน กล่าวรายงาน ถึงวัตถุประสงค์ของการจัดเสวนาต่อผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เข้าร่วมเสวนาจำนวน 50 คน ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโครงการสร้างป่า สร้างรายได้ จำนวน 14 คน และ สมาชิกเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนสร้างป่า สร้างรายได้ จังหวัดแม่ฮ่องสอน อีกจำนวน 36 คน

นายพัฒน์พงษ์ สมิตติพัฒน์ ผู้อำนวยการ สำนักโครงการพระราชดำริและกิจการพิเศษ กรมป่าไม้ เปิดเผยว่า โครงการสร้างป่า สร้างรายได้ เป็นโครงการตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธาร ที่ถูกทำลาย โดยการดำเนินงานไปพร้อมกัน ทั้งด้านการสร้างจิตสำนึกด้วยกระบวนการศึกษาแก่ประชาชนให้ร่วมฟื้นฟูป่า เป็นผู้รักษาป่า และอยู่กับป่าอย่างกลมกลืนแบบมีส่วนร่วม รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งการดำเนินงานโครงการ “สร้างป่า สร้างรายได้” เป็นวิธีการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ด้วยการปลูกไม้ป่าดั้งเดิมของพื้นที่ ให้เป็นไม้ประธาน ผสมผสานกับการปลูกพืชเกษตร หรือไม้เศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่คนท้องถิ่น

สำหรับพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบว่า พืชบุก ในพื้นที่ เป็นพืชบุกที่มีคุณภาพดีที่สุด และเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ ทางกรมป่าไม้ได้มีแนวทางในการที่จะให้เกษตรกรในพื้นที่ หันมาพัฒนาและปลูกบุกเพิ่มมากขึ้น และให้มีการบริหารจัดการ โดยให้เป็นไปในรูปแบบของวิสาหกิจชุมชน โดยทางภาครัฐจะสนับสนุนในด้านการสนับสนุน ด้านองค์ความรู้และการอำนวยความสะดวกในการผลิต การนำเข้าสู่โรงงานแปรรูปที่จะให้มีการตั้งขึ้นมาในพื้นที่อีกด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น