สาวเชียงใหม่อุ้มท้อง 7 เดือนพร้อมบุตรชาย วัย 4 ขวบเศษ ร้องศูนย์ดำรงธรรมขอความช่วยเหลือค้นหาทรัพย์สินสามี

สาวเชียงใหม่อุ้มท้อง 7 เดือนพร้อมบุตรชาย วัย 4 ขวบเศษ ร้องศูนย์ดำรงธรรมขอความช่วยเหลือค้นหาทรัพย์สินสามี หลังสามีซึ่งมีตำแหน่งประธานองค์การแห่งชาติคะฉิ่น ประธานสภาแห่งชาติคะฉิ่น ประเทศพม่า ได้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ที่ประเทศอังกฤษ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 ก.พ. 65 ที่ศูนย์ดำรงธรรมศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นางสาวไพริน (สงนวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ชาว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ อุ้มท้องได้ 7 เดือน พร้อมกับลูกชายวัย 4 ขวบเศษ เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นางสาววัชราภรณ์ วงอินทร์ตา ทนายความ เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังสามีชื่อ นายลารอ บมวัง ประธานองค์การแห่งชาติคะฉิ่น ประธานสภาแห่งชาติคะฉิ่น ประเทศพม่า ได้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ที่ประเทศอังกฤษ ขณะที่เดินทางไปประชุมเพื่อหารือด้านความมั่นคงภายใน ซึ่งเสียชีวิตประมาณต้นเดือนตุลาคม 2564

นางสาวไพริน ภรรยานอกสมรสของนายลารอ บมวัง เปิดเผยว่า อยู่กินฉันสามีภริยาตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2553 โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน มีบุตรร่วมกัน 1 คน คือ เด็กชายลานุงหรี่ อายุ 4 ขวบเศษ และกำลังตั้งท้องได้ 7 เดือน อีกหนึ่งคนพักอาศัยอยู่ อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่คบกัน ทางภรรยาของนายลารอ บมวัง และญาติทราบดีว่าได้อยู่กินกันที่เชียงใหม่ โดยเปิดเผยต่อสาธารณะชนไปไหนมาไหนด้วยกัน ต่อมาในช่วงเชื้อไวรัสโควิด-19 เกิดการแพร่ระบาด ดังนั้น ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2562 ถึงวันที่ 10 กันยายน 2564 ได้พักอาศัยอยู่กับสามี และบุตรชายตลอด ยกเว้น มีเหตุเกี่ยวกับการเมืองของรัฐคะฉิ่น สามีจะต้องไปประชุมปรึกษาหารือเรื่องภายในถึงจะได้ห่างกัน

กระทั่งวันที่ 10 กันยายน 2564 สามี ต้องเดินทางกลับไปประเทศอังกฤษเพื่อประชุมเรื่องความมั่นคงภายในซึ่วตนไม่ทราบว่าเรื่องอะไรบ้างจนกระทั่งติดเชื้อโควิด-19 พร้อมทั้งรักษาตัวที่ประเทศดังกล่าว ตลอดการรักษา ได้ติดต่อวีดีโอคอลตลอด ภายหลังวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ไม่สามารถติดต่อสามีได้ และตนพยายามติดต่อทุกวิถีทางเช่นติดต่อไปยังคนขับรถชื่อตอง ก็บอกว่าสามีนั้นเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 จริง เพื่อความมั่นใจก็ได้ติดต่อ ทั้งเฟสบุ๊คส่วนตัว และบริษัท จึงมั่นใจว่าสามีนั้นเสียชีวิต

นางสาวไพริน กล่าวอีกว่า ปัจจุบันตนและลูกได้รับความเดือดร้อน รวมถึงบุตรที่อยู่ในท้องซึ่งกำลังจะคลอดในอีกไม่เกิน 2 เดือนข้างหน้านี้ลำบากมาก ไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากผู้ใด มิได้ทำงาน เงินเก็บที่มีอยู่ก็นำออกมาใช้จนจะหมดแล้ว แม้แต่ค่าคลอดบุตรยังไม่รู้ว่าจะหาได้จากที่ใด รวมถึงในอนาคตข้างหน้าบุตรชายวัย 4 ขวบ และบุตรที่กำลังจะลืมตาดูโลก ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงพวกเขาทั้งสองได้อย่างไร จึงมาร้องขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ช่วยเหลือในการติดต่อประสานงานทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวกับเอกสารการเสียชีวิต และทรัพย์สินทั่วโลกของสามี เพื่อให้ลูก ได้รับสิทธิที่ควรจะได้รับตามกฎหมายด้วยความยุติธรรมต่อไป

นอกจากนี้ตนยังได้ไปดูร้านจิวเวลรี่ หยก ที่ประเทศฮ่องกง 2 ร้านจิวเวลรี่ หยก ที่ประเทศจีน 1 สาขา บ้านพักอาศัยที่ประเทศอังกฤษ เงินฝากในบัญชีที่ประเทศอังกฤษ ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท กิจการปั๊มน้ำมัน ที่ประเทศอินเดีย 1 แห่ง ที่ดินที่จังหวัดพะเยา อำเภอดอกคำใต้ ประมาณ 30 ที่ดินที่จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอแม่ริม ประมาณ 60 ไร่ ที่ดินที่จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอเชียงดาว ประมาณ 300ไร่ ที่ดินที่จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอเมือง ประมาณ 2 งาน

ทางด้าน นางสาววัชราภรณ์ วงอินทร์ตา ทนายความ เปิดเผยว่า คดีนี้ได้ตรวจสอบแล้ว มีความเชื่อมโยงกับใครบ้างโดยเฉพาะผู้ที่รู้เห็นเกี่ยวกับทรัพย์สินผู้ตายซึ่งเป็นสามี นั้นมีอีก 1 คน ซึ่งเป็นคนไทย ชื่อวิรัตน์ ตอนนี้กำลังติดตามเพื่อสอบถามเรื่องทรัพย์สินต่างๆ ขณะเดียวกันได้ ขอความช่วยเหลือไปยังศูนย์ดำรงธรรมเพื่อประสานระหว่างหน่วยงานภาครัฐต่อรัฐ เกี่ยวกับเอกสารทรัพย์สินผู้ตาย ทั้งนี้เพื่อจะได้ขอความช่วยเหลือตามสิทธิ์ของบุตรชาย อายุ 4 ขวบ ที่เกิดกับภรรยาชาวไทย ว่าจะช่วยเหลือด้านใดบ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่รับเรื่องไปแล้ว คาดว่าจะดำเนินการตรวจสอบต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์

ร่วมแสดงความคิดเห็น