“นักศึกษาไทย” เล่าประสบการณ์ต้านโควิด-19 ในกว่างซี ประเทศจีน

สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า อู๋เจิ้งซิน หรือ นายเจิ้งซิน นักศึกษาแพทย์ชาวไทยเชื้อสายจีนวัย 30 ปี ในเมืองไปเซ่อ เขตปกครองตนเองกว่างซีจวงทางตอนใต้ของจีน คือหนึ่งในผู้ที่เข้าใจมาตรการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของจีนเป็นอย่างดีผ่านประสบการณ์จริง

โดยเขามองว่ามาตรการของจีนทำให้จีนคุมโรคระบาดได้ทันท่วงที ลดผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจ และส่งผลดีอย่างมากต่อการใช้ชีวิตและการทำงานของทุกคน อู๋เดินทางมาศึกษาต่อในจีนเมื่อปี 2014 ปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาโทด้านเนื้องอก ที่มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์โย่วเจียง (Youjiang Medical University For Nationalities) เมืองไปเซ่อตั้งอยู่ทางตะวันตกของจีน มีพรมแดนติดกับเวียดนาม ซึ่งถือเป็นด่านแรกของการป้องกันโรค ย้อนกลับไปเมื่อบ่ายวันที่ 4 ก.พ. อำเภอเต๋อเป่าพบว่าผู้เดินทางกลับมาจากต่างถิ่นรายหนึ่งมีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวก ไม่กี่วันต่อมาเชื้อไวรัสก็เริ่มแพร่กระจายในไป่เซ่ออย่างรวดเร็ว

ด้วยเหตุนี้เมืองไปเซ่อจึงกระชับมาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มควบคุมการจราจรทั่วทั้งเมืองตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 7 ก.พ. กระตุ้นให้ผู้อยู่อาศัยกักตัวอยู่ในบ้านและงดการเดินทางหากไม่จำเป็น ด้านมหาวิทยาลัยฯ ก็ใช้มาตรการการจัดการแบบปิดทันทีเช่นกัน

อู๋ไม่มีความหวาดกลัวต่อการระบาดอย่างกะทันหันในเมืองที่เขาอาศัยอยู่ เนื่องจากเขาฉีดวัคซีน 3 โดสแล้ว อีกทั้งจีนยังคงยึดมั่นนโยบายโควิดเป็นศูนย์มาโดยตลอด เขากล่าวว่าจีนประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดหลายครั้งในช่วงสองปีที่ผ่านมา เขาจึงเชื่อมั่นว่าการระบาดในเมืองจะคลี่คลายลงในไม่ช้า

ในฐานะนักศึกษาแพทย์ อู๋ได้ร่วมเป็นอาสาสมัครต้านการระบาด เขาทำงานอย่างแข็งขันตามจุดสุ่มเก็บตัวอย่างสำหรับทดสอบกรดนิวคลีอิก และตามโรงพยาบาลที่รักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยเขาได้แนะนำแก่ชาวบ้านที่มาเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งเพื่อให้ขั้นตอนต่างๆ เป็นระเบียบ ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพของการตรวจเชื้อ

อู๋เล่าว่า เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ซึ่งเป็นเทศกาลโคมไฟตามประเพณีจีน ทางมหาวิทยาลัยฯ ได้เตรียม “หยวนเซียว” หรือขนมบัวลอยให้เขา อาจาร และเพื่อนนักศึกษา พร้อมให้คำอวยพร ซึ่งทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจ และเชื่อว่าการระบาดในเมืองใกล้สิ้นสุดลงแล้ว

ยอดผู้ป่วยในไป่เซ่อจากกรระบาดรอบนี้เคยทะลุเกิน 270 ราย แต่เมื่อมีการจัดการที่ดีและอิงหลักวิทยาศาสตร์สถานการณ์การระบาดก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ผางจวิน รองผู้อำนวยการคณะกรรมการสุขภาพเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง กล่าวที่งานแถลงข่าวเนื่องในเทศกาลโคมไฟว่า การระบาดในเมืองไป่เซ่อสิ้นสุดลงโดยพื้นฐานแล้ว และปราศจากผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในชุมชน โดยไป่เซ่อเริ่มทยอยยกเลิกข้อบังคับตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. ประชาชนจึงเริ่มกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

อู๋สรุปอย่างย่อๆ ว่ามาตรการต้านโรคโควิด-19 ของจีน คือการควบคุมโรคอย่างเข้มงวด มีประสิทธิภาพ และมีผลกระทบน้อย โดยใช้นโยบายกักตัวอยู่ที่บ้านอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันชาวเมืองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

จึงสามารถยับยั้งการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว อู๋ทิ้งท้ายว่าหลายพื้นที่ในไทยยังคงได้รับผลกระทบจากกรระบาด ซึ่งตนหวังว่าสิ้นสุดลงในเร็ววัน และขอให้การใช้ชีวิตและทำงานของทุกคนกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุดเช่นกัน

ร่วมแสดงความคิดเห็น