(มีคลิป) แม่หลั่งน้ำตาวอนช่วยต่อชีวิตน้องปังปัง ลูกสาวพิการติดเตียงตั้งแต่เกิด

แม่หลั่งน้ำตาวอนช่วยต่อชีวิตน้องปังปัง รพ.เอกชน ทำลูกสาวพิการติดเตียงตั้งแต่เกิด สปสช. ชี้ให้บริการไม่เป็นไปตามมาตรฐาน สธ. ขณะที่ รพ.ยังไม่จ่ายเยียวยา

วันที่ 24 มี.ค.65 สองสามีภรรยาที่จังหวัดเชียงใหม่ ร้องเรียนขอความเป็นธรรม กรณีโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งให้การรักษาและส่งต่อไม่เป็นไปตามมาตรฐานการให้บริการสาธารณสุข จนทำให้บุตรสาวที่คลอดออกมากกลายเป็นเด็กพิการซ้ำซ้อน ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ หูหนวก และ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา ขณะที่จนถึงวันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปจ่ายเงินเยียวยาจากโรงพยาบาลดังกล่าว

โดยทางด้าน น.ส.นฤมล ฝ่าจันทร์ อายุ 47 ปี ผู้เป็นมารดา คอยดูแลน้องปังปัง ด.ญ.ปาณิศา รัตนนพนันท์ ลูกสาววัย 5 ขวบ 7 เดือน ที่กลายเป็นเด็กพิการทางการเคลื่อนไหวตั้งแต่แรกเกิด ต้องนอนอยู่แต่บนเตียงและต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา ภายในบ้านเช่าที่หมู่บ้านเสาหิน ต.หนองหอย อ.เมืองเชียงใหม่ โดยมีพี่สาวของน้องปังปังคอยผลัดเปลี่ยนกันดูแล ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของทุกคนในครอบครัว จากที่เคยพออยู่พอกินเหมือนครอบครัวคนอื่น ๆ กลับต้องประสบปัญหาอย่างหนัก ต้องลาออกจากงานประจำมาดูแลลูก รายได้หดหาย มีแต่หนี้สินจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

น.ส.นฤมล เล่าว่า ในปี 2559 ตั้งครรภ์ลูกคนที่สาม ใช้สิทธิ์บัตรทองฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.เมืองเชียงใหม่ โดยในวันที่ 7 ก.ค. 59 ไปตรวจครรภ์ตามนัด แพทย์บอกว่าครรภ์ปกติ อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ จนกระทั่งวันที่ 8 ก.ค. 59 เจ็บครรภ์เดินทางไปที่โรงพยาบาล แพทย์ห้องฉุกเฉินตรวจครรภ์และส่งขึ้นห้องคลอด เมื่อถึงห้องคลอดพบว่าเด็กไม่กลับหัว แต่เอาเท้าออกมา 1 ข้าง แพทย์เวรจึงทำเรื่อง ส่งต่อไปที่โรงพยาบาลนครพิงค์ เนื่องจากโรงพยาบาลไม่มีหน่วยบริบาลทารกแรกเกิด โดยระหว่างนำส่งไม่มีแพทย์เฉพาะทางไปด้วย มีเพียงพยาบาลห้องคลอดและผู้ช่วยพยาบาลนั่งไปด้วย ปรากฏว่าระหว่างทางเด็กได้คลอดออกมา โดยที่ส่วนหัวยังติดอยู่กับช่องคลอดในรถฉุกเฉิน ได้ยินเสียงพยาบาลบอกว่าเด็กตัวเขียวแล้ว

ต่อมาเมื่อถึงโรงพยาบาลนครพิงค์ ทีมแพทย์ได้ให้การช่วยเหลือ แต่พบว่าเด็กที่คลอดออกมา ไม่หายใจแล้ว แพทย์ได้ฟื้นคืนชีพและใส่เครื่องช่วยหายใจรวมทั้งต้องเจาะคอ จนทำให้กลายเป็นเด็กพิการมาจนถึงทุกวันนี้ โดยตอนนี้น้องมีภาวะโรคปอดเรื้อรัง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ดูดเสมหะผ่านท่อคอ รับอาหารผ่านสายยาง และ ยังมีปัญหาภาวะสมองพัฒนาการช้า

นางสาวนฤมล เล่าทั้งน้ำตาว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ ต้องลาออกจากงานประจำที่เป็นพนักงานในร้านจำหน่ายสินค้ามือสอง เพราะต้องมาดูแลบุตรสาวที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และ ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ เช่นเดียวกับสามีที่ทำธุรกิจค้าขายของเก่าที่ไม่สามารถเดินทางไปรับส่งสินค้าได้เพราะต้องมาคอยเปลี่ยนกันดูแลลูก ส่วนพี่สาวของน้องปังปังอีกสองคนก็ต้องออกจากโรงเรียน มาเรียน กศน. แทน เพื่อช่วยกันดูแลน้องสาวคนสุดท้อง

เรื่องที่เกิดขึ้นทางครอบครัวได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปหลายหน่วยงาน ทั้ง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด แพทยสภา และ คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ซึ่งในตอนแรกการวินิจฉัยระบุการให้บริการของโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐาน แต่ทางครอบครัวได้อุทธรณ์

จนกระทั่ง 12 ก.ค. 64 สปสช. แจ้งผลการวินิจฉัยอุทธรณ์ ระบุว่าการให้บริการของโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการให้บริการสาธารณสุข ตามมาตรา 18 (1) แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 โดยเห็นว่าการนำส่งโดยไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เป็นการส่งต่อผู้ป่วยที่ไม่เหมาะสม ไม่เป็นไปตามมาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข และในการดูแลผู้ป่วยรายนี้ที่เข้าสู่ระยะการคลอดและเป็นการคลอดผิดปกติ ไม่มีสูติแพทย์มาตรวจอาการ ทำให้การดูแลรักษามีความล่าช้า จึงเป็นการให้บริการที่ไม่เป็นไป
ตามมาตรฐานการให้บริการสาธารณสุขด้วยเช่นกัน

นางสาวนฤมล บอกว่า ตลอด 5 ปี ไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ แต่หลังได้คำวินิจฉัยจาก สปสช. ทางครอบครัวได้นัดเจรจากับทางโรงพยาบาลหลายครั้ง ทุกครั้งทางโรงพยาบาลก็ยังยืนยันว่าไม่ผิด แต่ยื่นข้อเสนอเยียวยาเป็นเงิน 2 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่าเป็นการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม หากไม่พอใจก็ให้ให้ไปพิสูจน์กันที่ศาล แต่ทางครอบครัวเห็นว่าไม่เป็นธรรม ปัจจุบันสภาองค์กรของผู้บริโภคได้เข้ามาช่วยเหลือ โดยมีทนายความเข้ามาช่วย เตรียมฟ้องดำเนินคดีเรียกค่าชดเชยความเสียหายกับทางโรงพยาบาล

การดูแลน้องปังปังตั้งแต่แรกคลอดมาจนถึงวันนี้ ทำให้ครอบครัวมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าจากการต้องเปิดเครื่องผลิตออกซิเจนตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งค่าอาหารทางการแพทย์ รวมทั้งกางเกงผ้าอ้อม รวมแล้วเดือนละกว่า 6,000 บาท โดยรายได้ที่ลดลงทำให้ทุกวันนี้ยังค้างจ่ายค่าไฟฟ้ามานานกว่า 1 ปี แต่โชคดีที่การไฟฟ้ายังเห็นใจผ่อนผันให้ เช่นเดียวกับค่าเช่าบ้านที่ยังค้างจ่ายอีกหลายเดือน โดยปัจจุบันตนเองกับสามีเปิดขายหมูปิ้งในช่วงเช้า และ ขายปิ้งย่างริมถนนในช่วงเย็น แต่ก็มีรายได้เพียงพอ

ขณะที่ครอบครัววอนผู้ใจบุญช่วยเหลือน้องปังปัง ขอให้น้องได้อยู่กับครอบครัวต่อไป เพราะตอนนี้ทางครอบครัวกำลังลำบากอย่างหนัก แม้จะพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่ภาระค่าใช้จ่ายหนักมาก โดยร่วมช่วยเหลือทางครอบครัวได้ผ่านธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี กรุงไทย 5480292110 ชื่อบัญชีนางสาวนฤมล ฝ่าจันทร์ หรือ สอบถามได้ที่คุณพ่อของน้องที่เบอร์ 089 8577485

ร่วมแสดงความคิดเห็น