หนุ่มสุโขทัยแสบตระเวนตัดสายเคเบิล ขโมยทองแดงไปขาย ก่อเหตุนับ 10 ครั้ง เสียหายนับล้าน

เมื่อช่วงค่ำเวลา 19.30 น. วันที่ 29 มี.ค. 65 ที่สถานีตำรวจภูธรแม่ปิง จ.เชียงใหม่ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางมาทำการสอบสวนและแถลงข่าวการจับกุมตัว นายยศกร (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ชาว ต.ตลิ่งชัน อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย ผู้ต้องหาที่ตระเวนก่อเหตุขโมยสายไฟและสายเคเบิลสร้างความเสียหายในหลายพื้นที่ พร้อมด้วยของกลางในการก่อเหตุเป็น รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ไอ สีขาวน้ำตาล ทะเบียน เชียงใหม่ จำนวน 1 คัน , กระเป๋าเป้สะพายหลังสีน้ำตาลลายเสือ จำนวน 1 ใบ , เสื้อ และกางเกง ที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ และ คีมตัดสายไฟสีดำ จำนวน 1 อัน

โดยทาง พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงการจับกุมตัวผู้ต้องหาก่อเหตุในครั้งนี้ว่า สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการร้องเรียนจากบริษัทที่ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ และสัญญาณอินเตอร์เน็ตว่าได้รับความเสียหายจากการถูกคนร้ายลักลอบตัดสายส่งสัญญาณหรือสายเคเบิลที่มีลักษณะสายข้างในเป็นทองแดงอยู่บ่อยครั้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการสืบสวนติดตามเบาะแสของคนร้าย จนกระทั่งทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคือ นายยศกร หรือชื่อเล่นว่า เปลว และต่อมาทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการออกหมายจับ และสามารถจับกุมตัวได้ในช่วงเย็นที่ผ่านมา ขณะคนร้ายกำลังขับรถจักรยานยนต์ และทำการหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามจนเจอตัวผู้ต้องหาที่ ทำงานก่อสร้างบริเวณบ้านดอยน้อยพัฒนา ม.13 ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ จึงได้เข้าทำการควบคุมตัว และตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการสอบสวนที่ สภ.แม่ปิง

และจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุมาแล้ว 10 กว่าครั้ง แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทางเจ้าหน้าที่บริษัทผู้เสียหายกำลังตรวจสอบอีกครั้งว่าจุดที่ถูกแอบตัดสายไปนั้นมีทั้งหมดกี่จุด นอกจากนี้แล้วตามประวัติของผู้ต้องหาเคยก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ และยังเคยร่วมกันก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้มาแล้วตอนอยู่ กทม. แต่ไม่เคยถูกจับ

นอกจากนี้ผู้ต้องหาก็ได้ตระเวนไปก่อเหตุหลายแห่ง รวมทั้งในพื้นที่ อ.แม่ริม แต่จะเกี่ยวข้องกับคดีที่เกิดขึ้นใน อ.แม่ริม ที่เป็นข่าวหรือไม่นั้นจะต้องตรวจสอบอีกครั้ง และคาดว่าน่าจะมีคนร้ายที่ก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้รายอื่นๆ อีก ส่วนผู้ต้องหารายนี้ได้ลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว โดยหลังก่อเหตุตัดสายเคเบิลมาได้แล้วก็จะเอาไปขาย แล้วหลังจากนั้นก็นำเงินที่ได้มาใช้จ่าย ซึ่งจากการที่คนร้ายก่อเหตุอาจจะได้เงินไม่มาก แต่สร้างความเสียหายให้กับทางบริษัทที่รับผิดชอบมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท เนื่องจากสายถูกตัดทำให้เกิดการขัดข้องในการให้บริการ

อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น อยากฝากเตือนไปยังผู้ที่คิดจะก่อเหตุ หรือกระทำผิดลักษณะนี้ที่อาจเกิดจากความคึกคะนอง หรือความเห็นแก่ตัวเล็กน้อย อาจจะส่งผลกระทบกับทางสังคมเป็นวงกว้าง ซึ่งหลังจากการสอบสวนแล้วก็จะได้มีการส่งตัวผู้ต้องหารายนี้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น