ตร.แห่งชาติ ชี้แจงกรณีหญิงถูกข่มขู่เอาทรัพย์สิน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงกรณีหญิงถูกกลุ่มชายอ้างเป็นตำรวจไซเบอร์ข่มขู่เอาทรัพย์สิน

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียนชี้แจง กรณีมีผู้เสียหายถูกกลุ่มคนอ้างว่าเป็นตำรวจไซเบอร์เข้าตรวจค้นและข่มขู่เพื่อเรียกเอาทรัพย์สิน

จากที่ปรากฏเป็นบนสื่อสังคมออนไลน์ในกรณีที่มีหญิงคนหนึ่งได้กำไรจากการเล่นพนันออนไลน์ เป็นจำนวนเงินเกือบสองล้านบาท จากนั้นได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ เข้ามาขอตรวจค้นตัวผู้เสียหาย รวมถึงสามีและลูก อีกทั้งมีการข่มขู่จนผู้เสียหายยอมให้เงินจำนวน 400,000 บาท และพระอีก 1 องค์ให้ โดยในประเด็นดังกล่าวนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ล่าสุดได้รับรายงานจาก บช.สอท. ว่าได้ติดต่อประสานงานและได้รับข้อมูลในเบื้องต้นแล้ว ว่าเป็นการพูดคุยตกลงเรื่องมูลหนี้ เกิดขึ้นที่ร้านอาหารย่านบางนา ซึ่งทางผู้เสียหายได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกลับพนักงานสอบสวน สน.บางนา เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 65 โดยผู้เสียหายแจ้งว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 10 มี.ค. 65 พนักงานสอบสวนจะได้รวบรวมพยานหลักฐานในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป และหากมีความคืบหน้าอย่างไรจะรายงานให้ทราบในโอกาสถัดไป

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยประชาชน ที่อาจตกเป็นเหยื่อของการพนันออนไลน์ รวมถึงหนี้นอกระบบและการทวงหนี้ผิดกฎหมาย จึงกำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งปราบปรามการพนันออนไลน์และหนี้นอกระบบ เพื่อป้องกันการสูญเสียทรัพย์สินและความปลอดภัยของประชาชน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยได้กำชับสั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งทำการสืบสวนสอบสวน และปราบปรามจับกุม ผู้ที่จัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์รวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกราย รวมถึงผู้ให้กู้ยืมเงินนอกระบบที่ผิดกฎหมาย และมีการทวงหนี้ผิดกฎหมาย มาดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดต่อไป

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในกรณีดังกล่าวต้องดูข้อเท็จจริง รวมถึงพยานหลักฐานที่ต้องรวบรวมให้ได้มากที่สุด และหากตรวจสอบพบว่าผู้ก่อเหตุนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวจริง ก็จะดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาดต่อไป
ทั้งนี้หากมีเบาะแสหรือต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้ง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 และสายด่วนจราจร 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ร่วมแสดงความคิดเห็น