รพ.ที่ไม่ดูแลผู้ติดเชื้อ จะพิจารณาต่อสัญญา

ข่าวจริง!! รพ.ที่ไม่ดูแลผู้ประกันตนที่ติดโควิด-19 ตามข้อตกลง จะพิจารณาการต่อสัญญาสิทธิประกันสังคมในปีต่อไป

วันที่ 3 เม.ย. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวจริง เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง รพ. ที่ไม่ดูแลผู้ประกันตนที่ติดโควิค 19 ตามข้อตกลง จะพิจารณาการต่อสัญญาสิทธิประกันสังคมในปีต่อไป ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน พบว่าข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลจริง

สํานักงานประกันสังคมกําชับให้โรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมดูแลรักษาผู้ประกันตน ที่ตรวจพบการติดเชื้อโควิค-19 ในทันที และมีความพร้อมในการให้บริการแก่ผู้ประกันตนตั้งแต่เข้ารับการรักษา จนสิ้นสุดการรักษาอย่างเต็มศักยภาพ หากโรงพยาบาลไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง สํานักงานประกันสังคมจะพิจารณาการให้บริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลว่าไม่เป็นไปตามสัญญาจ้าง หรือให้บริการที่ต่ำกว่ามาตรฐานที่สํานักงานประกันสังคมกําหนดไว้ โดยจะนําข้อมูลมาทบทวนการพิจารณาต่อสัญญาในปีต่อไปเพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานเดียวกัน

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://www.sso.go.th/eform_news/ หรือโทร 1506

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : รพ. ที่ไม่ดูแลผู้ประกันตนที่ติดโควิค-19 ตามข้อตกลง จะพิจารณาการต่อสัญญาสิทธิประกันสังคมในปีต่อไป

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

ร่วมแสดงความคิดเห็น