ค่าฝุ่นอาจมีผลถึง 10 เม.ย.65

สิ่งแวดล้อมภาค 1 แจง ฝุ่นควันข้ามแดนส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศเชียงใหม่ ค่าจะสูง ถึง 10 เม.ย. 65

วันที่ 8 เม.ย. 65 ที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 นางดวจใจ ดวงทิพย์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ กล่าวถึงสถานการณ์คุณภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดพื้นที่รับผิดชอบ ว่า ทั้งภาคเหนือตอนบนแนวโน้มค่า PM2.5 มีค่าเพิ่มขึ้นซึ่งมีผลโดยตรงกับพื้นที่ ในภาพรวมของภาคเหนือทั้งเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน ค่าคุณภาพอากาศเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากว่ามีจุด Hot Spot ในพื้นที่ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 5 เม.ย. 65 เกิดขึ้นมากเกือบ 8,000 จุด ทิศทางลมในระดับ 25,000 ฟุตขึ้นไป นำพาฝุ่นควันขนาดเล็กเข้ามาในพื้นที่

“ตามที่คาดการณ์ไว้ ฝุ่นกลุ่มนี้จะถึงภาคเหนือในวันที่ 8-9 เม.ย. 65 แล้วก็เป็นไปตามที่คาดไว้ ที่ประเมินไว้นั้นเชื่อว่าเคลื่อนเข้าสู่ภาคเหนืออย่างแน่นอน เนื่องจากทิศทางลมพัดสอบจะทางทิศตะวันออกมาทางทิศตะวันตก ที่สุดฝุ่นควันก็เคลื่อนเข้าสู่ภาคเหนือตามคาด วันนี้มีเมฆมากไม่สามารถถ่ายภาพจุด Hot Spot ในพื้นที่ได้ชัด ภาพที่ถ่ายได้ดูเหมือนมีน้อย แต่ความจริงแล้วในพื้นที่ สปป.ลาว ยังมีจุด Hot Spot เป็นจำนวนมาก รวมทั้งเป็นกลุ่มควันที่ลมพัดพาเข้ามาเกินมาตรฐานอยู่ และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น คาดว่าจะเพื่อสูงขึ้นไปจนถึงวันที่ 10 เม.ย. 65 จากนั้นคุณภาพอากาศก็จะดีขึ้น” นางดวงใจฯ กล่าว

นักวิชาการสิ่งแวดล้อมฯ กล่าวต่อว่า ประเด็นฝนที่ตกมาในช่วงวันสองวันก่อนก็ช่วยลดค่าฝุ่นละอองในอากาศได้บ้าง แต่เป็นช่วงสั้นๆ แค่ 24 ชั่วโมง แต่เนื่องจากฝุ่นสะสมอยู่เป็นจำนวนมากพอเคลื่อนตัวเข้ามาก็จะเข้ามาแทนที่ทันที ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กก็จะเพิ่มขึ้นได้เหมือนเดิม เพราะฝนที่ตกเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ระยะเวลาที่ฝนทำให้คุณภาพอากาศดีขึ้นได้อย่างมากไม่เกิน 24 ชั่วโมงช่วงที่มีฝน และพื้นที่ได้รับผลจากฝนก็แค่ 20 เปอร์เซ็นต์

“ช่วงนี้จุด Hot Spot ในพื้นที่ทั้งเชียงใหม่ และอีก 3 จังหวัดเกิดขึ้นน้อยมาก อย่างวันนี้ (8 เม.ย.) แทบทุกจังหวัดไม่มีจุด Hot Spot เกิดขึ้น ที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีเพียง 2 จุดเท่านั้นเอง เป็นที่ชัดเจนว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือได้รับผลกระทบจากหมอกควันข้ามแดน” นางดวจใจ ดวงทิพย์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 65 ภาพถ่ายดาวเทียมซึ่งกลุ่มประเทศอาเซียนใช้ร่วมกันรายงานจำนวนจุดความร้อน (Hot Spot) รายประเทศ ระบุว่า สปป.ลาว จำนวน 7,859 จุด เมียนมาร์ จำนวน 4,349 จุด เวียดนาม จำนวน 431 จุด ประเทศไทย จำนวน 424 จุด กัมพูชา จำนวน 115 จุด และมาเลเซีย จำนวน 8 จุด

ร่วมแสดงความคิดเห็น