กกท.เทงบ 700 ล้าน เตรียมทัพไทย มั่นใจศักยภาพ

ได้ 7 กีฬาล็อกเป้า 18 ทอง ซีเกมส์ กกท.เทงบ 700 ล้าน เตรียมทัพไทย มั่นใจศักยภาพ

บิ๊กก้อง ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นประธานเเถลงข่าว “มีต เดอะเพรส กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31” ที่ห้องประชุม 222 โซนอี สนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก เมื่อวันที่ 18 เมษายน ซึ่งจัดขึ้นเพื่อประเมินความหวังของนักกีฬาไทยใน “ฮานอยเกมส์” ที่ประเทศเวียดนาม ระหว่าง 12-23 พฤษภาคม จัดขึ้นเป็นแรกจากทั้งหมด 5 ครั้ง โดยมี นายไพฑูร ชุติมากรกุล นายกสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยอีก 7 ผู้แทนจากสมาคมกีฬาร่วมแถลงความพร้อม

นายจักรพันธ์ นาคลดา เลขาธิการสมาคมกีฬาคูราชฯ แถลงความพร้อมเป็นสมาคมกีฬาแรกว่า คูราชจัดในซีเกมส์หนแรก เมื่อปี 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ หนนั้นไทยคว้าได้ 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง ครั้งนี้ชิงทั้งหมด 9 เหรียญทอง และเราส่งแข่งครบ 9 รุ่น ทีมคูราชไทยเตรียมตัวอย่างดี และเต็มที่ จากการแข่งขันรายการล่าสุดที่ทาจิกิสถาน สามารถคว้าได้ถึง 3 เหรียญทอง คู่แข่งสำคัญยังคงเป็นเจ้าภาพเวียดนาม ที่การสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาค่อนข้างใกล้เคียงเรามาก แต่ยังเชื่อว่าไทยจะทำผลงานได้ดีกว่าซีเกมส์ครั้งที่แล้ว คาดหวัง 3 เหรียญทอง จากทั้งชายและหญิง

นายวิสุทธิ์ ตั้งวาริธร นายกสมาคมกีฬามวยปล้ำฯ กล่าวว่า นักกีฬาเก็บตัวกันอยู่ที่มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสุพรรณบุรี ทั้งทีมหญิงและทีมชาย ทีมละ 12 คน ซึ่งกำลังซ้อมกันอย่างเข้มข้น แต่ต้องยอมรับว่ายังมีอุปสรรคเรื่องงบประมาณจากทางภาครัฐที่ค่อนข้างล่าช้า ก็คงต้องรอทาง กกท.พิจารณาเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ทัพนักมวยปล้ำไทยยังพร้อมสู้เต็มที่ และคาดหวังไว้ที่ 2 เหรียญทองจากนักกีฬาชาย ประเภทฟรีสไตล์ รุ่น 74 กก. และประเภทเกร็กโกโรมัน รุ่น 97 กก. ส่วนนักกีฬาหญิงความเป็นไปได้ยัง 50-50

น.ต.ศรายุทธ พัฒนศักดิ์ นายกสมาคมกีฬายิมนาสติกฯ กล่าวว่า ยิมนาสติก จัดชิงชัย 21 เหรียญทอง จึงถือเป็นกีฬาที่สามารถตัดสินเจ้าเหรียญทองได้เลย โดยผลงานซีเกมส์ครั้งที่แล้วคว้าได้ 1 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง ซึ่งทางสมาคมมองว่า 5 เหรียญเงินนั้นควรเป็น 5 เหรียญทองด้วยซ้ำ มั่นใจถึงความไม่โปร่งใสที่เกิดขึ้น เพราะยิมนาสติกเป็นกีฬาที่ตัดสินด้วยสายตา แต่ครั้งนี้เราก็เก็บข้อผิดพลาดจากครั้งที่แล้วนำมาแก้ไข เชื่อว่าจะทำได้ดีกว่าเดิม ขอตั้งเป้าเอาไว้ที่ 1 เหรียญทอง

ร.ต.หญิง พัชรี พิไชยแพทย์ ผู้ฝึกสอนทีมยูโด กล่าวว่า ซีเกมส์ 2019 ทีมยูโดไทยทำได้ถึง 7 ทอง คราวนี้เวียดนามตัดรุ่นที่เราได้เหรียญทองออกเกือบหมด แล้วบรรจุรุ่นที่ไม่มีโอในโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยากขึ้นกับการรักษาความหวังเหรียญทองเอาไว้ โดยหนนี้ส่งนักกีฬา 17 คน แบ่งเป็นประเภทเดี่ยว 10 คน เป็นหน้าใหม่เกือบครึ่งทีม ซึ่งก็จะมีทีมผสมชิงชัยเป็นครั้งแรกด้วย โดยเป้าหมายตั้งเอาหวังไว้ที่ 3 เหรียญทอง จากทั้งหมด 13 เหรียญทอง

พล.อ.อ.ระพีพัทธ์ หลาบเลิศบุญ ประธานเทคนิคสมาคมกีฬามวยสากลฯ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเจ้าภาพเวียดนาม ที่มาเก็บตัวฝึกซ้อมอยู่กับเรา ทำให้เราได้เห็นเทคนิค และฝีมือ พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วมากๆ หนนี้มวยสากลชิงชัย 3 รุ่น แต่ไทยส่งแข่งได้แค่ 11 รุ่น แบ่งเป็นชาย 7 รุ่น และหญิง 6 รุ่น ถึงเวลานี้นักกีฬามีความพร้อมที่จะลงแข่งขัน และตั้งเป้าเอาไว้ที่ 5 เหรียญทอง ชาติที่เป็นคู่ต่อกรคือ ฟิลิปปินส์ ซึ่งมวยชายแข็งแรง และเวียดนาม ที่มีมวยหญิงแข็งแกร่ง ลึกๆ ยังเชื่อ 11 รุ่นที่ไทยส่งแข่งขันจะได้เหรียญติดมือครบทุกคน

ผ.ศ.ชาญชัย สุขสุวรรณ์ นายกสมาคมกีฬายูยิตสูฯ กล่าวว่า ซีเกมส์ครั้งที่แล้วทัพยูยิตสูไทยคว้าได้ 2 เหรียญทอง ครั้งนี้เจ้าภาพเวียดนามจัดชิงชัย 6 เหรียญทองจาก 2 ประเภท ได้แก่ เนวาซ่า 4 ทอง และโนกิ 2 ทอง ซึ่งต้องบอกว่าเจ้าภาพเปิดชิงชัยในประเภทที่ค่อนข้างเข้าทางตัวเอง และส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นประเภทสากลที่สหพันธ์กีฬายูยิตสูนานาชาติเปิดจัดแข่งทั่วไป อีกประเด็นคือ ฟิลิปปินส์ส่งนักกีฬาไปเก็บตัวถึงสหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ส่งนักกีฬาไปเก็บตัวที่บราซิล จุดนี้อาจมีผล แต่ก็ยังเชื่อว่าการที่ทัพยูยิตสูไทยเก็บตัวภายในประเทศ เน้นพัฒนาเด็กในประเทศ ไม่ใช้ลูกครึ่ง ก็ยังน่าจะสร้างผลงานที่ดีออกมาได้ ตั้งเป้ารักษามาตรฐานซีเกมส์ครั้งที่แล้วไว้ก่อนที่ 2 เหรียญทอง จากนักกีฬาหญิงทั้ง 2 รุ่นของประเภทเนวาซ่า แต่จริงๆ เราก็หวังทุกรุ่นที่ส่งไป

นายธนัช อัศวนภากาศ รองเลขาธิการสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ กล่าวว่า แบดมินตันซีเกมส์มีชิง 7 ทอง จากทีมชายและทีมหญิง รวมถึงประเภทบุคคลอีก 5 ประเภท ภาพรวมนักกีฬาชุดนี้ จะใช้ชุดเอกับบีผสมกัน ทีมหญิงที่เราเป็นแชมป์ 4 สมัยติดต่อกัน น่าจะป้องกันแชมป์ได้ ส่วนหญิงเดี่ยวที่มี “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ นำทัพ เป็นความหวังของเราอีกเหรียญ เช่นกันกับ ชายเดี่ยวที่มี “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ เชื่อว่าหากอยู่ในห้วงเวลาที่เข้าฟอร์มก็มีโอกาได้แชมป์ เช่นกันกับหญิงคู่ โดยรวมเชื่อว่าน่าจะมี 2 เหรียญทองจากทีมหญิง และหญิงเดี่ยว

นายไพฑูร ชุติมากรกุล กล่าวว่า สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาฯ จัดมีตเดอะเพรสเป็นประจำทุกครั้ง ก่อนนักกีฬาไทยจะเดินทางไปลุยศึกโอลิมปิกเกมส์, เอเชียนเกมส์ และซีเกมส์ เพื่อประเมินความคาดหวังของทัพนักกีฬาไทย โดยสรุปครั้งแรกของการแถลงความพร้อม มีตเดอะเพรส กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ทั้ง 7 สมาคม ตั้งเป้ารวม 18 เหรียญทอง แบ่งเป็น คูราช 3 เหรียญทอง, มวยปล้ำ 2 เหรียญทอง, ยิมนาสติก 1 เหรียญทอง, ยูโด 3 เหรียญทอง, มวยสากล 5 เหรียญทอง, ยูยิตสู 2 ทองเหรียญทอง และแบดมินตัน 2 เหรียญทอง”

ดร.ก้องศักด ยอดมณี เปิดเผยว่า เวลานี้อยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเก็บตัว สำหรับอุปสรรคในการชิงชัยช่วงการระบาดของโควิด-19 มองว่ามีมากกว่าในภาวะมากปกติ ทั้งความกระชั้นชิด และความไม่แน่นอนของเจ้าภาพในเรื่องกฎ มาตรการ และอีเวนต์ที่จัดการแข่งขัน ทำให้เราเตรียมการฝึกซ้อมได้ไม่เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ตาม กกท.ก็พยายามสนับสนุนการฝึกซ้อมของทุกสมาคมให้ได้มากที่สุด และดีที่สุด

“กกท.ทำงานร่วมกับสมาคมกีฬา และคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ โดยใช้งบประมาณเตรียมทีมเก็บตัวฝึกซ้อม และส่งแข่งขันราว 700 ล้านบาท จากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ สำหรับกีฬาซีเกมส์เป้าหมายที่แท้จริงของเราคือ อยากให้เป็นเวทีสร้างดาวรุ่ง และเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมาทุกชนิดกีฬา เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการสู้ศึกเอเชี่ยนเกมส์ โอลิมปิกเกมส์ และเวทีนานาชาติ โดยเป้าหมายหลักๆ ของไทยก็คือเป็นอันดับ 1 ในชนิดกีฬาที่เป็นสากล ซึ่งมีแข่งขันในโอลิมปิก” ดร.ก้องศักด กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับการเเถลงข่าว มีต เดอะเพรส กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ครั้งที่ 2 จะมีขึ้นในวันพุธที่ 20 เมษายน เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุม 222 โซนอี สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยจะมี 7 สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย เข้าร่วมแถลงความพร้อม ประกอบด้วย ฟุตบอลและฟุตซอล, ว่ายน้ำ, ยิงธนู, บาสเกตบอล, ฟันดาบ, ปันจักสีลัต และเปตอง

ร่วมแสดงความคิดเห็น