(มีคลิป) วอนขอความเห็นใจหลังไร้คนเหลียวแล

ญาติคู่กรณีที่ถูกสาวพยาบาลขับรถชน วอนเห็นใจ หลังยังไม่มีการเยียวยาจากฝ่ายตรงข้าม

วันที่ 22 เม.ย. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีอุบัติเหตุรถเก๋งเสียหลักพุ่งออกนอกเลนไปชนกับรถกระบะ พื้นที่บ้านสันจำปา ม.3 ต.แม่พริก อ.แม่สรวย จ.เชียงราย จนเป็นเหตุให้ฝั่งรถกระบะมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย และฝั่งรถกระบะคันต้นเหตุมีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. 65

และในเวลาต่อมา วันที่ 16 เม.ย. ฝ่ายคนขับรถเก๋งซึ่งเป็นนางพยาบาลในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย ได้รับบาดเจ็บสาหัส เกิดภาวะสมองตาย แต่ทางแพทย์พบประวัติว่าผู้ตายประสงค์บริจาคอวัยวะให้แก่สภากาชาดไทย ช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องการได้มีชีวิตอยู่ต่ออย่างเป็นปกติถึง 6 ชีวิต ทางญาติได้ทำตามเจตนารมณ์สุดท้ายของผู้ตายให้ได้ทำบุญใหญ่ และได้มีการเผยแพร่ข่าวชื่นชมไปในหลายช่องทางนั้น

แต่อย่างไรก็ตามทางฝั่งผู้เสียหายที่ถูกขับรถชนจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนั้นกลับไม่ได้รับการดูแลเยียวยาจากครอบครัวคู่กรณีที่สมเหตุสมผลแต่อย่างได นางเขมิกา (สงวนามสกุล) บ้าน ม.15 ต.ป่าแดด อ.แม่สรวย จ.เชียงราย บุตรสาวของนายบุญทา (สงวนามสกุล) อายุ 69 ปี

ซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บที่โดยสารมากับรถกระบะดังกล่าว เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า หลังจากเกิดเหตุขณะรักษาตัวอยู่ที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ทางญาติฝั่งคู่กรณีได้มาเยี่ยมและมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นมา 2,000 บาท และวันต่อมาก็นำเอาแพมเพิร์สหรือผ้าอ้อมผู้ใหญ่มาให้อีก 1 ห่อ หลังจากนั้นก็เงียบหายไปเลย ไม่มีการติดต่อช่วยเหลือไดๆมาอีก แต่ทางฝั่งคู่กรณีซึ่งได้บริจาคอวัยวะก่อนตายกลับมีข่าวใหญ่ มีการชื่นชม มีการช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ แต่กับพ่อของตนซึ่งเป็นผู้ถูกกระทำกลับถูกละเลย ไม่ได้รับความเป็นธรรม

เช่นเดียวกับ น.ส.ละมัย (สงวนามสกุล) อายุ 32 ปี ชาวบ้าน ม.2 ต.ป่าแดด อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เผยว่า ในครอบครัวของตนมีพ่อคือนายสว่าง (สงวนนามสกุล) อายุ 71 ปี เป็นเสาหลักของครอบครัว ประกอบอาชีพเกษตรกร รับจ้างทั่วไป คอยดูแลตาที่ป่วยอัลไซเมอร์ และยายป่วยกระดูกทับเส้น เดินไม่ได้ ส่วนแม่ของตนตอนนี้ป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ตนเอาไปดูแลที่ จ.เชียงใหม่ เพราะตนทำงานบริษัทเอกชน และน้องสาวก็รับราชการครูอยู่ที่เชียงใหม่ ช่วยกันดูแลแม่

วันที่เกิดเหตุ พ่อของตนได้ชักชวนเพื่อนสนิทคือนายบุญทา (สงวนามสกุล) อายุ 69 ปี ไปทำธุระที่ จ.เชียงใหม่ ขากลับเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ รถเก๋งคู่กรณีก็เสียหลักพุ่งมาชนอย่างแรง จนเป็นเหตุให้พ่อของตนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ส่วนนายบุญทาเพื่อนสนิทที่ไปด้วยกัน ก็ได้รับบาดเจ็บยังต้องรักษาตัวอยู่ที่ รพ.แม่สรวย หลังเกิดเหตุญาติฝั่งคู่กรณีได้มาหาหลังวันเผาศพของพ่อ 1 วัน คือวันที่ 14 เม.ย. โดยมาขอช่วยค่าทำศพเป็นเงิน 8,000 บาท ซึ่งตนเห็นว่าไม่สมเหตุสมผล ประกอบกับกำลังยุ่งกับงานศพของพ่อ จึงยังไม่ขอรับเงินจำนวนดังกล่าวไว้

โดยจะขอนัดมาไกล่เกลี่ยหลังผ่านพ้นพิธีศพไปก่อน แต่พอทางเราติดต่อไปก็มีน้องชายของคู่กรณีรับสาย บอกว่ายังบวชอยู่ ถ้าลาสิกขาจะไปดำเนินการให้ ซึ่งทางเราเห็นว่าไม่จำเป็นเพราะอยากไกล่เกลี่ยกับทางพ่อแม่ฝ่ายพยาบาลคนก่อเหตุมากกว่า เพราะมีอำนาจในการตัดสินใจ ตนไปยื่นขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงรายแล้ว แต่ก็ต้องรอผลคืบหน้าคดีของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ทางเราก็เข้าใจว่าแต่ละฝ่ายก็เกิดการสูญเสีย ย่อมต้องการเวลาในการจัดพิธีศพและเวลาทำใจ แต่ก็อยากเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะทุกวันนี้ตนต้องลาหยุดงานเพื่อจะไปติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อขอความเป็นธรรม จึงอยากร้องขอความเป็นธรรมผ่านทางสื่อมวลชน เพื่อเร่งรัดกระบวนการให้แล้วเสร็จโดยไว” น.ส.ละมัย กล่าว

ล่าสุดทางญาติและบริษัทประกันของฝ่ายพยาบาลสาวที่เสียชีวิต ได้นัดคู่กรณีทั้ง 2 ครอบครัว เพื่อไปไกล่เกลี่ยชดใช้ค่าเสียหาย ที่สถานีตำรวจภูธรแม่สรวย จ.เชียงราย ในช่วงบ่ายวันอังคารที่ 25 เม.ย. นี้แล้ว

ร่วมแสดงความคิดเห็น