จี้ภาครัฐเปิดชายแดนกระตุ้นการค้า ก่อนกลายเป็นเมืองร้าง
วันที่ 23 เม.ย. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์การค้าขายบริเวณชายแดนยังคงเงียบเหงา ไร้เงานักท่องเที่ยวมาจับจ่ายใช้สอยคึกคักเหมือนในอดีต มีเพียงพ่อค้าแม่ค้าผู้ประกอบการบางส่วนที่ยังเปิดให้บริการ แต่บรรยากาศเงียบเหงาหนัก ร้านค้าเล็กๆต่างทยอยปิดตัว เหลือเพียงผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่ยังคงกัดฟันเปิดตามปกติ เพราะแอบหวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเป็นปกติในเร็ววัน
ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากการปิดด่านพรมแดนบริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 อ.แม่สาย จ.เชียงราย มานานต่อเนื่องถึง 2 ปี เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งที่ผ่านมาร้านค้าและผู้ประกอบการได้ให้ความร่วมมือกับนโยบายของภาครัฐเป็นอย่างดีมาตลอด แต่กลับกันภาครัฐกลับไม่มีมาตรการมาแก้ปัญหาปากท้องให้ชาวบ้านในระยะยาว ปล่อยให้พ่อค้าแม่ค้าและผู้ประกอบการเผชิญปัญหากันตามลำพัง
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ พบว่ามีเพียงสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ที่เปิดให้รถขนส่งสินค้าผ่านเข้าออก แต่ที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ยังไม่มีการเปิดพรมแดนให้ข้ามไปมาระหว่าง 2 ประเทศ ส่งผลให้ร้านค้าในตลาดสายลมจอยและตลาดดอยเวาซึ่งเคยคึกคัก เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะช่วงวันหยุด แต่ในปัจจุบันมีแค่พ่อค้าแม่ค้าแต่ไร้เงาคนซื้อ จากที่เคยมีรายได้หลักหลายพันถึงหลักหมื่นบาทต่อวัน ทุกวันนี้ได้หลักร้อยก็ถือว่าดีแล้ว พ่อค้าแม่ค้าจากฝั่งเมียนมาที่เคยมาจับจ่ายใช้สอยที่ฝั่งแม่สายก็ไม่สามารถข้ามมาจับจ่ายใช้สอยซื้อของได้เหมือนแต่ก่อน วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่เคยมีถึง 27 คัน ตอนนี้เหลือมาเข้าคิวรับส่งลูกค้าอยู่แค่ 2 คัน เพราะไม่มีคนมาใช้บริการ
จากที่ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกับผู้ประกอบการร้านค้าตามชายแดนแม่สาย ต่างต้องการให้ทาง ผวจ.เชียงราย ได้ลงพื้นที่มาศึกษาปัญหาของชาวบ้านตามแนวชายแดนด้วยตนเอง เพื่อรับทราบปัญหาจริงที่เกิดขึ้น ทุกวันนี้ชาวบ้านต้องการให้ภาครัฐเร่งหารือกับทางการเมียนมาเพื่อเปิดสะพานแห่งที่ 1 เพราะถือเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างประเทศที่สร้างรายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนในพื้นที่อย่างแท้จริง ส่วนสะพานพรมแดนแห่งที่ 2 ซึ่งเป็นจุดขนส่งสินค้านำเข้าและส่งออกนอกประเทศนั้น คนที่ได้ประโยชน์จริงๆเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ รายได้ไม่มาถึงคนแม่สายอย่างแท้จริง หากไม่เร่งรัดแก้ปัญหาเกรงว่าแม่สายอาจกลายเป็นเมืองร้างในอนาคต
ร่วมแสดงความคิดเห็น