ทะเบียนรถปลอม มีความผิดตามกฎหมายอาญา

ข่าวจริง ใช้ป้ายทะเบียนรถปลอม มีความผิดตามกฎหมายอาญา

วันที่ 27 เม.ย. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวจริง เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่มีข้อมูลในสื่อโซเชียลเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง ใช้ป้ายทะเบียนรถปลอม มีความผิดตามกฎหมายอาญา ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

แผ่นป้ายทะเบียนรถ เป็นเอกสารที่ทางราชการออกให้ ใช้เฉพาะสำหรับรถคันที่แจ้งจดทะเบียนไว้ 1 คัน ต่อ 1 หมายเลขทะเบียนเท่านั้น โดยข้อมูลหมวดอักษร หมายเลขทะเบียน จังหวัดที่ปรากฏในใบคู่มือจดทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี (ป้ายวงกลม) ต้องถูกต้องและตรงกัน กรณีการทำแผ่นป้ายทะเบียนรถขึ้นเอง โดยไม่มีสิทธิใช้หมายเลขทะเบียนนั้น เจ้าของรถและผู้ที่ทำแผ่นป้ายนั้นขึ้นจะมีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 265 ประกอบมาตรา 268 ฐานปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 100,000 บาท นอกจากนี้ ยังเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ มาตรา 11 ฐานติดแผ่นป้ายทะเบียนรถไม่ถูกต้องตามที่ทางราชการกำหนด ปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท และอาจจะมีความผิดอื่นตามพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น หรืออาจถูกยึดรถเพื่อส่งตรวจพิสูจน์หลักฐานหาที่มาของตัวรถด้วย
จากรายงานและการตรวจสอบในช่วงที่ผ่านมา พบว่าการกระทำความผิดด้วยการสวมทะเบียนหรือทำแผ่นป้ายทะเบียนรถปลอมขึ้นมาเพื่อติดกับรถคันอื่น ๆ มักเกิดขึ้นกรณีการซื้อขายรถด้วยวิธีการโอนลอย โดยที่ผู้ซื้อไม่นำรถไปดำเนินการตรวจสภาพรถและจดทะเบียนด้วยตนเอง ซึ่งเป็นช่องว่างที่กลุ่มมิจฉาชีพฉวยโอกาสนำรถที่มีที่มาผิดกฎหมาย เช่น รถที่นำมาตอกเลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ใหม่ และทำใบคู่มือจดทะเบียนรถและเอกสารการโอนปลอม หรือซื้อซากรถที่ใช้งานไม่ได้แล้วแต่ยังมีทะเบียนถูกต้อง เพื่อนำรถรุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน มาสวมทะเบียนแทน โดยทำการเปลี่ยนแปลงขึ้นใหม่ทั้งเลขตัวถังและเลขคัสซีให้ตรงกับเอกสาร ซึ่งมักเป็นรถที่ถูกขโมยมา หรือปลอมเฉพาะเอกสารติดรถ ทั้งแผ่นป้ายทะเบียนรถ เครื่องหมายแสดงการเสียภาษี และใบคู่มือจดทะเบียนรถ โดยไม่ดัดแปลงเลขตัวถังและเลขคัสซี มาหลอกขายให้กับประชาชน โดยเป็นรถที่ไม่ผ่านการตรวจสอบจากกรมการขนส่งทางบก ดังนั้น เพื่อให้ได้รถที่ถูกต้องตามกฎหมาย การซื้อขายรถทุกครั้งควรดำเนินการทางทะเบียนหรือนำรถเข้าตรวจสภาพด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม ทางกรมขนส่งทางบก ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เข้มงวดกวดขันการตรวจสภาพรถตามรายการที่กำหนดทุกคัน เพื่อป้องกันไม่ให้รถผิดกฎหมายดำเนินการทางทะเบียนได้โดยเด็ดขาด ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจพบจะมีการระงับการดำเนินการทางทะเบียนที่ไม่ถูกต้องทันที และหากประชาชนพบเห็นรถต้องสงสัยสามารถแจ้งข้อมูลมายังกรมการขนส่งทางบกเพื่อตรวจสอบและคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย โดยเฉพาะการซื้อขายรถมือสอง อย่าหลงเชื่อซื้อรถที่มีราคาถูกกว่าราคาตลาดจนผิดสังเกต รวมทั้งการซื้อขายรถที่มีเอกสารการได้มาของตัวรถไม่ชัดเจน และไม่แนะนำให้ซื้อขายรถด้วยวิธีการโอนลอยในทุกกรณี เนื่องจากการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวจะเป็นช่องว่างที่กลุ่มมิจฉาชีพมักจะฉวยโอกาสสวมรอยนำรถผิดกฎหมายมาหลอกขายให้ประชาชน การซื้อขายรถทุกครั้งควรดำเนินการทางทะเบียนหรือนำรถเข้าตรวจสภาพด้วยตนเอง เพื่อความมั่นใจว่าได้รถที่ถูกต้องตามกฎหมาย และทันทีที่พบว่าแผ่นป้ายทะเบียนรถหล่นหายหรือชำรุด เจ้าของรถควรรีบดำเนินการขอยกเลิกแผ่นป้ายทะเบียนเดิมและขอรับแผ่นป้ายทะเบียนรถทดแทนทันที ห้ามทำแผ่นป้ายทะเบียนรถขึ้นเองโดยเด็ดขาด โดยติดต่อที่สำนักงานขนส่งที่รถนั้นจดทะเบียน ซึ่งจะได้รับแผ่นป้ายทะเบียนรถใหม่ ภายใน 15 วัน

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://www.mot.go.th หรือโทร. 1356

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ใช้ป้ายทะเบียนรถปลอม มีความผิดตามกฎหมายอาญา

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

ร่วมแสดงความคิดเห็น