(มีคลิป) ญาติคู่กรณีสาวพยาบาล ยังไม่พอใจ

ญาติคู่กรณีสาวพยาบาล ยังไม่พอใจผลการไกล่เกลี่ย พร้อมเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการทางศาล

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 28 เม.ย. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีตำรวจภูธรแม่สรวย จ.เชียงราย ได้มีญาติผู้เสียหายและคู่กรณีได้นัดไกล่เกลี่ยเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย อันเนื่องมาจากกรณีที่สาวพยาบาลขับขี่รถเก๋งเสียหลักพุ่งข้ามเลนไปชนกับรถกระบะ จนส่งผลให้ฝั่งรถกระบะมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ส่วนฝ่ายรถเก๋งได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ซึ่งทางฝั่งรถกระบะได้มี น.ส.ละมัย แก้วตา อายุ 32 ปี บุตรสาวของนายสว่าง (สงวนนามสกุล) อายุ 70 ปี ผู้เสียชีวิต และนางเขมิกา อายุ 43 ปี ญาติของนายบุญทาอายุ 69 ปี ผู้บาดเจ็บ พร้อมด้วยญาติๆ ได้มาพบกับญาติฝ่ายคู่กรณี ประกอบด้วยมารดา บิดา น้องชาย พร้อมด้วยทนาย ตัวแทนสำนักงานยุติธรรมจังหวัดเชียงราย และตัวแทนบริษัทประกันทั้ง 2 ฝ่าย ร่วมเป็นสักขีพยานในการไกล่เกลี่ย

การพูดคุยกันในวันนี้ ทางทนายฝ่ายญาติพยาบาลได้เสนอให้บริษัท พรบ. และประกันภัย ได้พิจารณาจ่ายค่าชดเชยให้กับคู่กรณีเป็นอันดับแรก ซึ่งผู้เสียชีวิตจะได้ค่าชดเชยเป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท หักลบด้วยค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ส่วนผู้บาดเจ็บก็จะได้ค่ารักษาพยาบาลตามสัดส่วนที่กฏหมายกำหนด หากทางญาติคู่กรณีเห็นว่าเงินดังกล่าวไม่เพียงพอกับความสูญเสีย ก็สามารถฟ้องร้องกับศาลเพื่อให้ครอบครัวฝ่ายพยาบาลชำระค่าเสียหายเพิ่มเติมได้ และทางทนายได้ร้องขอให้ผู้สูญเสียฝั่งรถกระบะลบโพสต์ข้อความที่ปรากฏในสื่อโซเซียลซึ่งมีลักษณะที่ไม่ให้เกียรติผู้เสียชีวิตฝ่ายพยาบาลออกจากสื่อโซเซียลด้วย

น.ส.ละมัย แก้วตา อายุ 32 ปี บุตรสาวนายสว่าง แก้วตา ผู้เสียชีวิต กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า พ่อของตนตอนที่มีชีวิตจะเป็นเสาหลักของครอบครัว ดูแลพ่อตาป่วยอัลไซเมอร์ แม่ยายป่วยอัมพฤกษ์ ภรรยาป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย และน้องชายป่วยจิตเวช เป็นคนขยัน เป็นที่รักของเพื่อนบ้าน หลังจากเสียชีวิตก็มีคนรู้จักแวะเวียนมาแสดงความเสียใจตลอด วันนี้จากการนัดพูดคุยไกล่เกลี่ยกับครอบครัวฝ่ายคู่กรณีเบื้องต้น ทางคู่กรณีจะให้ทางบริษัทประกันเป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหาย เขาจะไม่รับผิดชอบเกี่ยวกับค่าสินไหม ถ้าเราอยากได้มากกว่าที่บริษัทประกันจ่ายให้ ก็ให้ไปฟ้องร้องเอาเอง หลังจากนี้ตนก็คงจะฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย เพราะชีวิตพ่อของตนทั้งคน วันนี้รู้สึกเหมือนคู่กรณีไม่ได้มาเยียวยาอะไรให้พ่อเราเลย

“หลังจากเสร็จสิ้นการตกลงค่าเสียหาย ตนจะพาแม่ไปอยู่ด้วยที่เชียงใหม่ เพราะตนและน้องสาวทำงานอยู่เชียงใหม่ทั้งคู่ ส่วนแม่ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ต้องดูแลใกล้ชิด และจะต้องพามาตรวจตามหมอนัดที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ เดือนละครั้ง” น.ส. ละมัย กล่าว

ด้านนางเขมิกา อินทะจักร อายุ 43 ปี บุตรสาวของนายบุญทา อินทะจักร อายุ 69 ปี ผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ตอนนี้พ่อของตนได้กลับไปรักษาตัวที่บ้าน แต่ก็มีการเจ็บแผลอยู่ตลอด เพราะมีวันเกิดเหตุช่วงท้องของพ่อไปอัดกระแทกกับแผงคอนโซลรถ มีแผลลำไส้ขาด กระเพาะฉีก ทุกวันนี้ทานข้าวลำบาก ตนต้องดูแลอย่างใกล้ชิด จากการพูดคุยกับญาติคู่กรณีในวันนี้ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะเขาให้เราไปพูดคุยกับทนายและบริษัทประกัน ทั้งๆที่ญาติพี่น้องก็มาแต่ไม่พูดคุยตกลงอะไรกับทางเราเลย

วันนี้เป็นการไกล่เกลี่ยรอบแรก ซึ่งได้มีบริษัทประกันภัยรถทั้ง 2 ฝ่าย มาร่วมเป็นสักขีพยาน และรวบรวมเอกสารเพื่อไปยื่นเคลมสินไหมทดแทนให้กับผู้สูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งทางฝ่ายผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย จะได้รับการพิจารณาจ่ายเงินชดเชยภายในระยะเวลา 1 เดือน ส่วนผู้บาดเจ็บซึ่งต้องมีรายจ่ายจากการรักษาพยาบาล ก็จะใช้เวลาพิจารณาจ่ายสินเชื่อภายใน 6 เดือน ส่วนการฟ้องร้องเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมก็เป็นกระบวนการที่สามารถดำเนินการได้ตามขั้นตอนของกฏหมาย ซึ่งหากมีความคืบหน้าที่น่าสนใจผู้สื่อข่าวจะเอามานำเสนอต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น