ไทยสานสัมพันธ์เวียดนาม ครบรอบ 46 ปี

ไทยสานสัมพันธ์เวียดนาม ครบรอบ 46 ปี ตั้งเป้าเป็นครัวของโลกร่วมกัน เล็งขยับมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้น 25,000 ล้านเหรียญฯ ในปี 2568 พร้อมเร่งเจรจาให้เวียดนามยกเลิกการระงับนำเข้าเงาะ มะม่วง จากไทย

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังอนุญาตให้นายฟาน จี๊ ทัญ (H.E. Mr. Phan Chi Thanh) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสังคมนิยมเวียดนาม ประจำประเทศ ไทย เข้าพบและหารือความสัมพันธ์ด้านการเกษตร ระหว่างไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

โดยมี นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายธนา ชีรวินิจ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมเกียรติ กอไพศาล ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ เข้าร่วมหารือด้านการเกษตรระหว่างไทยกับเวียดนาม ว่าในวันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งในปี 2565 นี้ ไทยและเวียดนามจะฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 46 ปี โดยตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ไทยและเวียดนามมีความสัมพันธ์ในหลายมิติ ทั้งด้านการเกษตร การค้า และการเมือง โดยมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับเวียดนาม เมื่อปี 2564 มีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2568

นอกจากนี้ ไทยยังเป็นประเทศคู่ค้าและประเทศลงทุนหลักของเวียดนาม โดยทั้งสองประเทศสามารถร่วมมือกัน ผลิตสินค้าเกษตรและอาหารเพื่อเป็นครัวของโลก” รมว. เฉลิมชัยกล่าว

สาระสำคัญที่หารือร่วมกันในวันนี้ ฝ่ายไทยได้ขอให้ฝ่ายเวียดนามให้ความร่วมมือ ได้แก่ 1.) สนับสนุนการจัดตั้งสภายางอาเซียน (ASEAN Rubber Council: ARCo) 2.) ขอให้ทางเวียดนามยกเลิกการระงับการนำเข้าสินค้าผลไม้จากไทย ได้แก่ เงาะ และมะม่วง 3.) ขอให้เวียดนามแจ้งรายชื่อผู้ประสานงานหลัก (Contact point) ภายใต้กรอบความร่วมมือกับกระทรวงเกษตร และการพัฒนาชนบทเวียดนาม ภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร ผ่านกลไกการประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการเกษตร (Joint Working Group on Agricultural Cooperation – JWG) ไทย-เวียดนาม และ 4.) ไทยเสนอให้เวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitary: SPS) ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการบังคับใช้มาตรการ SPS และขอให้ฝ่ายเวียดนาม แจ้งชื่อและอีเมลของผู้ประสานงานหลัก (Contact Point)

ในขณะเดียวกัน ฝ่ายเวียดนามเสนอให้มีการทบทวน MOU ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรทั้งสองฝ่ายลงนามไปแล้ว เมื่อปี 2546 เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์และโครงสร้างการทำงานในปัจจุบัน พร้อมทั้งขอเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารระดับสูง และผู้เชี่ยวชาญ เดินทางมาเยือนเวียดนาม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในระดับสูง รวมทั้งหารือแลกเปลี่ยนนโยบาย ความรู้ และความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ในโอกาสที่เหมาะสมต่อไป และฝ่ายเวียดนามมีความยินดี ที่จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยด้วยเช่นกัน รวมทั้งเห็นควรที่ทั้งสองประเทศ จะขยายมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรระหว่างกันต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น