สองตา-ยายออกบ้านไปรดน้ำต้นทุเรียนสวนตรงข้ามบ้าน ถูกรถส่งของวิ่งมาชนท้าย ยายนั่งหลังรถ พร้อมกับสุนัข 3 ตัว ตกรถ ยายดับสุนัขรอด
เมื่อเช้าวันที่ 29 เม.ย. 65 เวลา 06.30 น. ร.ต.อ.บรรจง แสงการ พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยไร่ ได้รับแจ้งเหตุมีรถชนกันที่ถนนเลนขาขึ้น บริเวณโค้งบ้านแม่พวก หมู่ 5 ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ ซึ่งเป็นโค้งอันตราย มีผู้บาดเจ็บติดอยู่ในรถ หลังรับแจ้งจึงประสาน อาสาสมัครกู้ภัยสมาคมกู้ภัยเด่นชัยร่วมบุญ ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหบตุพบเป็นรถกระบะ 2 คัน สภาพเสียหายทั้ง 2 คัน จอดอยู่เลนขวาของถนน พบว่าคันแรกเป็นรถ กระบะโตโยต้า สีบรอนซ์เทา ทะเบียน บบ xxxx แพร่ มี นายประสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 69 ปี ชาวบ้านหมู่ 5 บ้านแม่พวก ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย เป็นคนขับได้รับบาดเจ็บติดอยู่หน้ารถ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยเหลือออกมาจากรถ ก่อนนำส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราชเด่นชัย
ห่างจากท้ายรถคันดังกล่าว 2 เมตร พบร่าง นางบัวผัน (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี ภรรยา นายประสิทธิ์ นอนตะแคงคว่ำเสียชีวิตสภาพกะโหลกศีรษะแตก โดยมีลูกหลาน และญาติๆ ที่ทราบข่าว ต่างนั่งเสียใจร้องไห้อยู่ข้างๆ ศพ เพราะจุดเกิดเหตุ ห่างจากบ้านผู้ตายประมาณ ไม่ถึง 100 เมตร และมีสุนัข 3 ตัว สภาพกลัวและตื่นตกใจกกับเหตุการณ์อยู่ ญาติๆ จึงได้อุ้มไปไว้ที่บ้าน
ส่วนคู่กรณีเป็นรถตู้ทึบส่งของบริษัทขนส่ง ยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ สีขาว ทะเบียน บธ xxxx อ่างทอง ทราบชื่อคนขับคือ นายทรงกรด (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ชาว ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เบื้องต้นจากการสอบถามทราบว่า ขับรถจากกรุงทพฯ จะนำพัสดุไปส่ง จ.เชียงราย แต่ว่า พักผ่อนน้อย เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้ง ขับออกโค้งมาก็ชนท้ายรถคันดังกล่าวทันที
จากนั้นพนักงานสอบสวนได้บันทึกที่เกิดเหตุเป็นหลักฐาน ก่อนนำร่างผู้เสียชีวิต ไปชันสูตรพลิกศพร่วมกับแพทย์เวรที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชเด่นชัย ก่อนจะให้รถยกนำรถคู่กรณีไปเก็บไว้ที่โรงพัก เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
ทางด้านญาติผู้เสียชีวิต เผยว่า 2 ตา-ยาย ออกบ้านจะไปรดน้ำต้นทุเรียน ที่อยู่ในสวนตรงข้ามบ้าน ห่างออกไปไม่ไกล แต่ว่าจะต้องไปยูเทิร์นรถกลับมาก่อน เพราะเป็นถนน 4 เลน ก่อนจะไปนำสุนัขที่เลี้ยงไว้จำนวน 3 ตัวไปด้วย โดย นางบัวผัน ได้นั่งหลังรถกระบะเป็นเพื่อนสุนัข แต่ไม่คาดคิดว่าออกจากบ้านไปไม่ถึง 100 เมตร จะถูกรถชนท้ายจนตกรถมาเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนสุนัขทั้ง 3 ตัว ปลอดภัย ซึ่งตื่นเช้ามาไม่น่าจะมาได้ยินข่าวร้ายแบบนี้เลย
ร่วมแสดงความคิดเห็น