(มีคลิป) ดตร.ทางหลวง เข้าพบ ตร.พร้อมลูกชาย

ดาบตำรวจทางหลวงถีบโหด นางแบบสาวสอง เข้าพบ ตร.พร้อมลูกชาย ด้านผู้เสียหายยันเอาเรื่องถึงที่สุด พร้อมเรียกร้องชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด ด้าน ผกก.ยันให้ความเป็นธรรม ดำเนินการตามกฎหมาย

ความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์ที่ทาง นายธีรพัฒน์ จาดดำ อายุ 21 ปี นางแบบสาวประเภทสอง เดินทางนำหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ ที่เจ้าตัวถูกทำร้ายร่างกาย ในช่วงกลางดึกของวันที่ 3 พ.ค.65 ที่ผ่านมา จากการที่ตนทะเลาะกับชายหนุ่มที่คบหากัน แล้วถูกชายคนดังกล่าวทำร้ายร่างกาย อีกทั้งได้ทำลายทรัพย์สินเป็นโทรศัพท์มือถือ Iphone 12 Promax ราคาประมาณ 40,000 บาท พังเสียหาย แต่หลังจากนั้นทางฝ่ายชายได้มีการโทรศัพท์ติดต่อทางผู้ปกครอง ซึ่งทราบว่าเป็นตำรวจทางหลวง โดยจะให้มาเคลียร์ค่าเสียหาย แต่ต่อมาเมื่อทางพ่อของฝ่ายชายมาถึงกลับกระโดดใช้เท้าถีบทางฝ่ายสาวสองที่กำลังนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์จนกระเด็นตกลงได้รับบาดเจ็บอีกทั้งยังพูดจาข่มขู่ จนทำให้ตนต้องเข้ามาแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม และขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคู่กรณีมาดำเนินคดี ตามที่ปรากฏข่าวออกไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ (5 พ.ค. 65) เมื่อเวลา 13.30 น. ทางด้าน ด.ต.อุทิตย์ แก้วไสย์ อายุ 49 ปี สังกัดตำรวจทางหลวงเชียงใหม่ พร้อมลูกชาย นายพรหมนิมิตร แก้วไสย์ อายุ 19 ปี ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ และพนักงานสอบสวน โดยมี นายธีรพัฒน์ จาดดำ อายุ 21 ปี นางแบบสาวประเภทสอง ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูกทำร้ายร่างกายเข้ามาร่วมสอบปากคำ และเจรจาพูดคุยกับทางคู่กรณีทั้งสองคน พร้อมทั้งเล่าเหตุการณ์ในคืนเกิดเหตุให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังอย่างละเอียด ในสภาพที่เจ้าตัวยังมีร่องรอยบาดแผล และรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้ายร่างกาย ขณะที่การดำเนินการสอบสวนฝ่ายคู่กรณีที่ก่อเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอความร่วมมือกับทั้งสองคนในการตรวจค้นร่างกาย โดยทั้งคู่ได้ให้ความร่วมมือและการสอบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ขณะที่ต่อมา ภายหลังการพูดคุยเจรจากันทั้งสองฝ่าย และการใฟ้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ นานร่วม 1 ชั่วโมง ทางด้านพนักงานสอบสวน ได้ดำเนินการพาตัว ด.ต.อุทิตย์ แก้วไสย์ อายุ 49 ปี สังกัดตำรวจทางหลวงเชียงใหม่ พร้อมลูกชาย นายพรหมนิมิตร แก้วไสย์ อายุ 19 ปี ไปสอบปากคำเพิ่มเติมหลังจากพูดจาไกล่เกลี่ยกับทางผู้เสียหาย โดยเบื้องต้นทั้งคู่ได้มีการยอมรับกับกรณีที่เกิดขึ้น และยินยอมให้มีการดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมทั้งยินยอมที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้กับทางฝ่าย นายธีรพัฒน์ นางแบบสาวประเภทสอง ตามค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด

โดยทางด้าน นายธีรพัฒน์ ฝ่ายผู้เสียหาย เปิดเผยหลังการเจรจากับทางผู้ก่อเหตุทั้งสองว่า หลังการพูดคุยกับคู่กรณี เบื้องต้นมีกรณีที่ต้องแยกออกเป็น 2 ส่วนคือในกรณีของฝ่ายชายแฟนหมุ่มที่มีเรื่องทะเลาะกัน และอีกกรณีคือของคุณพ่อ โดยในส่วนของกรณีพาสคุณพ่อได้มีการยอมรับแล้ว แต่ส่วนของฝ่ายแฟนฟนุ่มนั้นกำลังรอการเจรจาไกล่เกลี่ยในเรื่องของค่าเสียหาย โดยเบื้องต้นทางคู่กรณีก็ได้ขอโทษตนเองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเรื่องค่าเสียหายนั้นก็จะดำเนินการอีกครั้งหลังการเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางฝ่ายลูกชาย และตนก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว แต่ก็ยังต้องรอเจรจาไกล่เกลี่ยกับฝ่ายชายที่มีเรื่องทะเลาะกัน ซึ่งในส่วนของค่าเสียหายที่เกิดขึ้นก็อยากให้อิงตามหลักความเป็นจริง ทั้งในเรื่องของมูลค่าทรัพย์สิน ค่าเสียเวลาที่ตนไม่ได้ทำงานทำให้ขาดรายได้ ร่วมถึงค่ารักษาที่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งบริเวณใบหน้า และตามร่างกาย

นายธีรพัฒน์ บอกอีกว่า หลังจากเรืรองราวที่เกิดขึ้นนี้ ได้เคลียร์กันจบแล้ว ตนก็ไม่ขอที่จะกลับมาคบหากับฝ่ายชายอีกแน่นอน และอยากขอให้ตัดประเด็นออกไป ส่วนพ่อของฝ่ายชายตอนนี้เจ้าตัวก็ยอมรับตามที่ปรากฏหลักฐานในคลิปวิดีโอ และเรื่องที่มีการขู่อาฆาตทางพ่อก็ยอมรับว่าพูดไปเพราะบันดาลโทสะ เนื่องจากเห็นลูกชายทีบาดแผลจากการที่ทะเลาะกับตน และหลังการเจรจากันตนก็ยอมรับคำขอโทษ แต่ในส่วนของรูปคดีนั้นก็ต้องดำเนินการต่อไป โดยยังคงยืนยันว่าให้ดำเนินการตามกฎหมาย และไม่มีการยอมความหรือถอนแจ้งความแต่อย่างใด ส่วนฝ่ายชายก็รอเจรจาค่าเสียหายอีกครั้ง

ส่วนทางด้าน พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ภายหลังกรณีที่เกิดขึ้น และได้มีการนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการ กระบวนการยุติธรรม และหลังการสอบสวนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับทางผู้ก่อเหตุทั้งสองคน โดยส่วนของ ด.ต.อุทิตย์ (ฝ่ายพ่อ) ได้มีการแจ้งข้อหา “ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ” และในส่วนของ นายพรหมนิมิตร (ฝ่ายลูก) ได้แจ้งข้อหา “ทำให้เสียทรัพย์” หลังจากนั้นจะได้มีการรายงานคงามประพฤติให้กับทางผู้บังคับบัญชา ที่เป็นขั้นตอนระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยหลังการสอบสวนทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มีความกังวลใจแต่อย่างใด และพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยสิ่งใดที่เป็นความผิดจริงก็จะมีการดำเนินการตามหลักขั้นตอนมาตรฐาน

ส่วนเรื่องการเรียกร้องค่าเสียหายต่างๆ ก็จะมีการทำเรื่องเข้าสู่สำนวนว่าได้รับความเสียหายเท่าไหร่ และทางคู่กรณีมีความประสงค์ที่จะเยียวยาอย่างไรบ้าง และส่วนเรื่องของคดีตามรายละเอียดนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมความกันได้โดยเฉพาะในเรื่องของการทำร้ายร่างกาย ดังนั้นในเรื่องของกรณีทำร้ายร่างกายนั้น พิจารณาแล้วจะต้องเข้าสู่กระบวนการชั้นศาลต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น