สปสช. แจกชุดตรวจ ATK

ข่าวจริง!สปสช. แจกชุดตรวจ ATK ตรวจโควิด 19 ด้วยตนเอง รอบ 2 รวม 62 วัน

วันที่ 6 พ.ค. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวจริง เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่มีข้อมูลปรากฎเกี่ยวกับเรื่อง สปสช. แจกชุดตรวจ ATK ตรวจโควิด 19 ด้วยตนเอง รอบ 2 รวม 62 วัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

สปสช. ได้ดำเนินการเพื่อสนับสนุนชุดตรวจ ATK-self test สำหรับประชาชนคนไทยทุกสิทธิที่เป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด 19 รอบที่ 2 ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย สภาเภสัชกรรม สภาการพยาบาล สภาเทคนิคการแพทย์ และหน่วยบริการต่าง ๆ เพื่อลงทะเบียนและคัดกรองความเสี่ยงในการรับชุดตรวจโควิด 19 ATK ฟรี ได้ที่หน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการ เช่น ร้านยา คลินิกพยาบาล คลินิกกายภาพบำบัด คลินิกเทคนิคการแพทย์ฯ หรือหน่วยบริการอื่นกว่า 2,000 แห่ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมานั้น ซึ่งเป็นการดำเนินการรอบที่ 2 ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง ตามมติบอร์ด สปสช. เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน
จากข้อมูลเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา รวม 62 วัน ได้กระจายชุดตรวจ ATK ให้กับประชาชนแล้ว 1,618,748 ราย เป็นชุดตรวจจำนวน 4,614,888 ชุด โดยเป็นการลงทะเบียนขอรับผ่านแอปเป๋าตัง 1,576,534 ราย และขอรับโดยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการให้เนื่องจากไม่มีแอปเป๋าตัง 43,683 ราย ในจำนวนนี้แจ้งบันทึกผลตรวจในระบบแล้ว 964,964 ราย หรือจำนวน 2,521,623 ชุด หรือร้อยละ 60 โดยเป็นผลบวกติดเชื้อโควิด 53,455 ราย หรือร้อยละ 3.3 ยังรอการบันทึกผล 653,784 ราย หรือจำนวน 2,093,265 ชุด เมื่อดูข้อมูลประชาชนที่ลงทะเบียนและรับ ATK นั้น พบว่า เป็นการรับชุดตรวจ ATK 1 ครั้ง จำนวน 1,102,336 ราย รับชุดตรวจ ATK 2 ครั้ง จำนวน 338,359 ราย รับชุดตรวจ ATK 3 ครั้ง จำนวน 122,168 ราย รับชุดตรวจ ATK 4 ครั้ง จำนวน 44,009 ราย และรับชุดตรวจ ATK 5 ครั้งขึ้นไป จำนวน 12,054 ราย โดยเข้าเงื่อนไขการขอรับชุดตรวจ ATK ดังนี้

  1. เป็นผู้มีอาการเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด จำนวน 408,932 ราย
    2.อยู่ในพื้นที่เสี่ยงแพร่ระบาดโควิด-19 จำนวน 1,433,763 ราย
    3.ใกล้ชิดผู้ป่วย จำนวน 1,565,800 ราย
    ส่วนจังหวัดที่ขอรับชุด ATK สูงสุด 5 อันดับแรก พบว่า กรุงเทพมหานครมีผู้ขอรับ ATK มากที่สุด จำนวน 583,386 คน รองลงมาจังหวัดสงขลา จำนวน 117,562 คน เชียงใหม่ จำนวน 56,294 คน สุราษฎร์ธานี จำนวน 52,154 คน และชลบุรี จำนวน 50,664 คน เบื้องต้นประชาชนไทยกลุ่มเสี่ยงที่ขอรับชุดตรวจโควิด 19 ATK จะได้รับชุดตรวจจากหน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 2 ชุด โดยขอให้ตรวจหาเชื้อโควิด 19 ทันที และบันทึกผลตรวจในแอปเป๋าตัง ในกรณีที่ผลตรวจขึ้น 2 ขีด ติดเชื้อโควิด 19 หลังจากบันทึกผลในแอปเป๋าตังแล้ว จะมีคำแนะนำการรักษาตามขั้นตอนและกลุ่มอาการต่อไป
    อย่างไรก็ตาม กรณีตรวจโควิดด้วย ATK ที่ได้รับไปแล้วผลขึ้น 1 ขีด เป็นลบ หากท่านเป็นกลุ่มเสี่ยงก็สามารถขอรับชุดตรวจ ATK เพิ่มเติมได้อีก 1 ชุด โดยเว้นช่วงระยะเวลาห่างกันหลังจากรับครั้งแรกไปแล้วมากกว่า 14 วัน ซึ่งในช่วงประมาณ 2 เดือนแรกของการแจก ATK เฟส 2 ให้กับประชาชนนั้น ได้มีผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิดเข้ารับชุดตรวจแล้วเกือบ 1.6 ล้านคน นับเป็นการดูแลประชาชนนอกจากเข้าสู่การรักษาและลดการแพร่กระจายเชื้อแล้ว ยังช่วยลดความกังวลใจให้กับประชาชนได้

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจาก กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.cgd.go.th หรือโทร 0-2127-7000

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : สปสช. ได้ดำเนินการเพื่อสนับสนุนชุดตรวจ ATK-self test สำหรับประชาชนคนไทยทุกสิทธิที่เป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด 19

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

ร่วมแสดงความคิดเห็น