เก็บน้ำฝนให้ปลอดภัย ควรต้มเดือดก่อนดื่ม

กรมอนามัย แนะ เก็บน้ำฝนให้ปลอดภัย ควรต้มเดือดก่อนดื่ม

​กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เตือนพื้นที่เสี่ยงใกล้โรงงานอุตสาหกรรม เลี่ยงเก็บน้ำฝน หากจำเป็นควรทำความสะอาดรางรับน้ำฝน และภาชนะเก็บน้ำให้พร้อมใช้งาน เพื่อความปลอดภัย ก่อนนำมาใช้ดื่มควรต้มให้เดือด ลดความเสี่ยงจากโรคระบบทางเดินอาหาร และอุจจาระร่วงได้

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝน การเก็บน้ำฝนไว้ใช้ในการอุปโภค บริโภค ในช่วงแรกๆ ที่ฝนตก อาจเกิดความสกปรก และความเสี่ยงจากสารเคมี ได้ง่าย โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับโรงงานอุตสาหกรรม การจราจรหนาแน่น หรือมีมลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ควันหรือก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง รวมทั้งความสะอาดหลังคา ที่รองรับน้ำฝน และภาชนะเก็บกักน้ำฝน ซึ่งจากข้อมูลการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำบริโภคครัวเรือน พ.ศ. 2564 โดยกรมอนามัย พบว่า น้ำฝนที่ครัวเรือนเก็บไว้บริโภคผ่านเกณฑ์มาตรฐานน้ำบริโภค ร้อยละ 29.4 ส่วนที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน พบการปนเปื้อนแบคทีเรียมากที่สุด และพบสี ความขุ่น ความเป็นกรด – ด่าง เกินเกณฑ์มาตรฐานเพียงเล็กน้อย เนื่องจากการดูแลความสะอาดของพื้นหลังคา รางรองรับน้ำฝน ภาชนะบรรจุน้ำฝนไม่ถูกหลักการสุขาภิบาลน้ำบริโภค

“ทั้งนี้ การเก็บน้ำฝนไว้บริโภคหรืออุปโภคให้ปลอดภัยนั้น ควรเริ่มจากการสำรวจความพร้อม ของรางรองรับน้ำฝน ต้องไม่ชำรุด ไม่มีเศษใบไม้ กิ่งไม้ ถ้าสามารถทำความสะอาดเก็บกวาดสิ่งสกปรก บนหลังคาได้ด้วยก็จะดีมาก สำหรับภาชนะบรรจุน้ำฝนควรสำรวจดูความชำรุดแตกรั่ว และต้องล้างให้สะอาด ทั้งภายนอก และภายใน โดยเฉพาะภายในต้องทำการฆ่าเชื้อโรคด้วยการแช่ หรือฉีดพ่นน้ำคลอรีนในขั้นตอนสุดท้ายของการล้างด้วย ในการรองน้ำฝนนั้น ควรปล่อยให้ฝนตกชะล้างสิ่งสกปรกในอากาศ บนหลังคา และรางรับน้ำฝนทิ้งไปสักระยะหนึ่งก่อน แล้วค่อยรองน้ำฝนใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ เมื่อเต็มแล้วปิดฝาภาชนะ ให้มิดชิดโดยใช้ตาข่ายพลาสติกปิดปากภาชนะให้แน่นก่อนปิดฝา เพื่อป้องกันสัตว์หรือแมลง เช่น จิ้งจก แมลงสาบเข้าไปอาศัย ดูแลที่ตั้งภาชนะเก็บน้ำฝนให้สะอาด ไม่เฉอะแฉะ ดูแลความสะอาดของภาชนะ เก็บน้ำฝนอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรนำสิ่งของต่างๆ ไปวางหรือกองไว้บนภาชนะเก็บน้ำฝน เพราะจะเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ แมลงนำโรค นอกจากนั้น เพื่อให้มั่นใจก่อนนำน้ำฝนมาดื่มควรนำไปต้มให้เดือดประมาณ 1 นาที เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคระบบทางเดินอาหารที่เกิดจากน้ำเป็นสื่อ” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น