นักกีฬากองทัพภาคที่ 3 คว้าเหรียญรางวัลซีเกมส์

นักกีฬากองทัพภาคที่ 3 คว้าเหรียญรางวัลซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ประเทศเวียดนาม

ตามที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้ส่งทัพนักกีฬาไทย ในการแข่งขันมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างวันที่ 12-23 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา นั้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แสดงความชื่นชมในความสำเร็จของทัพนักกีฬาไทยในการแข่งขันดังกล่าว หลังร่วมติดตามและส่งกำลังใจแก่ทุกฝ่ายมาอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งในปีนี้ประเทศไทยคว้าชัยในหลายกิจกรรมกีฬา กวาดรางวัลไปทั้งสิ้น 331 เหรียญ ประกอบด้วย 92 เหรียญทอง 103 เหรียญเงิน 136 เหรียญทองแดง พร้อมทั้งสร้างประวัติศาสตร์การแข่งขัน ทำสถิติใหม่ในบางประเภทกีฬา ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาติในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านกีฬา พร้อมทั้งขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการร่วมบูรณาการการทำงานเพื่อผลักดันศักยภาพนักกีฬาไทยให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการแข่งขันทุกระดับต่อไป

ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 3 ได้ให้การสนับสนุนนักกีฬาของกองทัพภาคที่ 3 ร่วมเป็นทัพนักกีฬาไทยเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ผ่านมา จนสามารถคว้าเหรียญรางวัลแก่ประเทศ จำนวน 5 นาย 4 ประเภทชนิดกีฬา ได้แก่ 1. กีฬาเซปักตะกร้อ จ่าสิบเอก อนุวัฒน์ ชัยชนะ สังกัด มลฑลทหารบกที่ 310 ได้รับรางวัล 1 เหรียญทอง (ประเภทตะกร้อทีมชุดชาย) 2. กีฬากรีฑา สิบโท อภิสิทธิ์ ฉ่ำศรี สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 4 ได้รับรางวัล 1 เหรียญทอง (ประเภทวิ่งผลัด 4X400 เมตร ชาย) 3. กีฬายิงปืน 3.1 อาสาสมัครทหารพราน ณัฐพันเลิศ เอื้ออภิญญกุล สังกัด กรมทหารพรานที่ 32 ได้รับรางวัล 1 เหรียญทอง (ประเภทปืนสั้นอัดลม 10 เมตร (คู่ผสม)) และ รางวัล 1 เหรียญทองแดง (ประเภทปืนสั้นอัดลม 10 เมตร (ทีมชาย)) 3.2 อาสาสมัครทหารพราน ทองผาภูมิ วงศ์สุขดี สังกัด กรมทหารพรานที่ 35 ได้รับรางวัล 1 เหรียญทอง (ประเภทปืนยาวสามท่า 50 เมตร ชาย) 4. กีฬาวูซู อาสาสมัครทหารพราน จารุวัฒน์ ขุนเพชร สังกัด กรมทหารพรานที่ 31 ได้รับรางวัล 1 เหรียญเงิน (ประเภทต่อสู้ รุ่น 65 กิโลกรัม ชาย)

ในการนี้ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 และข้าราชการ กองทัพภาคที่ 3 ขอชื่นชมนักกีฬา ทีมชาติไทยทุกท่าน ที่ได้ทำหน้าที่ดีที่สุดเพื่อประเทศชาติแล้ว และชื่นชมในวินัยในการฝึกซ้อม ความทุ่มเทความพยายามฝึกซ้อมอย่างหนัก อีกทั้งการดึงพรสวรรค์ที่ตนมีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ สร้างชื่อเสียงในระดับสากล ถือเป็นภาพลักษณ์ด้านกีฬาจากชาวไทยสู่สายตาชาวโลก อีกทั้งถือเป็นแรงบันดาลใจแก่เยาวชนที่มีความสามารถให้กล้าคิด กล้าทำ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ จึงขอให้ทุกฝ่ายร่วมผลักดันความเป็นเลิศด้านกีฬา เพื่อสร้างทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพแก่ประเทศไทยต่อไป