วันที่ 27 พ.ค. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวจริง เพิ่มเติม 1 กรณีคือ
กรณีที่มีข้อมูลปรากฏในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องผู้ที่เข้าไปหาของป่า ต้องเสียค่าบำรุงรักษาป่า ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง
ข้อมูลข้างต้นเป็นข้อมูลจริง ซึ่งได้มีการอ้างอิงมาจากเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่าพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484
- กรณีเป็นของป่าหวงห้าม ไม่ว่าจะในเขตป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 หรือ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติป่า สงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 จะต้องดำาเนินการขออนุญาตและเสียค่าภาคหลวง ค่าบำารุงรักษาป่า
- กรณีเป็นของป่าที่มิใช่ของป่าหวงห้าม ในเขตป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 สามารถเก็บหาได้ มิต้องเสียค่าภาคหลวง ค่าบำารุงรักษาป่า
- กรณีเป็นของป่าที่มิใช่ของป่าหวงห้าม ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 จะต้องดำาเนินการขออนุญาตและเสียค่าภาคหลวง ค่าบำารุงรักษาป่า
เว้นแต่จะเป็นการเก็บหาเพื่อใช้สอยหรือบริโภคในครัวเรือนของตน จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องขออนุญาต ตามข้อ 2 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 1,107 (พ.ศ. 2528) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ ว่าด้วยการเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง จากกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สามารถติดตามได้ที่ https://www.forest.go.th/ หรือโทร. 02-5614292-3
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ผู้ที่เข้าไปหาของป่า ต้องเสียค่าบำรุงรักษาป่า เว้นแต่จะเป็นการเก็บหาเพื่อใช้สอยหรือบริโภคในครัวเรือนของตน จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องขออนุญาต ตามข้อ 2 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 1,107 (พ.ศ. 2528) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ ว่าด้วยการเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”
ร่วมแสดงความคิดเห็น