ตามหาลุงจันทร์ ในผืนป่าลี้ลับบ้านตาดหมื่น

พบสิ่งลี้ลับ! ในผืนป่าบ้านตาดมื่นที่ลุงจันทร์หายตัว

เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2565 ทางทีมค้นหาปฏิบัติการเข้มข้นขึ้นทุกขณะ เข้าสู่วันที่ 13 ของการค้นหา มีทั้งหน่วยรบพิเศษ , ทหารอากาศ , ทหารมทบ.33, เจ้าหน้าที่อุทยานฯ , เจ้าหน้าที่ไฟป่าแต่ละนายซึ่งได้รับการฝึกฝนในหลักสูตรพิเศษ สามารถเข้าพื้นที่และมีความทนทานในทุกสภาวะอากาศ พร้อมที่จะช่วยเหลือลุงจันทร์ เปอะปันสุข ทันทีเมื่อทราบเบาะแส และพิกัด

นอกจากนั้น ทีมพรานป่า ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในพื้นที่รวมถึงชุดกู้ชีพ-กู้ภัยฯกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน ญาติพี่น้องของ”ลุงจันทร์ เปอะปันสุง อายุ 68 ปี ที่สูญหายในป่าบ้านตาดหมื่น ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ขณะไปหาเห็ดตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.65 ทางทีมค้นได้ปูพรมค้นหาอีกวันหนึ่งยังมีความหวังที่จะพบตังลุงจันทร์ฯพากลับด้วยความปลอดภัย

ตลอดระยะของการค้นหาลุงจันทร์ที่ผ่านมามีเรื่องราวที่เกิดขึ้น เช่น ได้กลิ่นเหม็นเมื่อตามกลิ่นกลับกลายเป็นกลิ่นของซากแมวหลายตัวที่ถูกฆ่ายัดใส่กระสอบไปทิ้งในป่า

ทางพระญาวิไชย ภิกขุ ( ครูบาคิว ) ได้แสดงธรรมเทศนาให้กับญาติและปัจจัยจำนวนหนึ่งให้ญาติได้เอาไปทำกลับข้าวมาให้ทีมค้นหาคนหายในแต่ละวัน ธรรมที่เทศนา เป็นธรรมที่เกี่ยวกับประวัติดอยที่ลุงจันทร์ได้หายตัวไป ( ดอยหัวกระโหลก ) ประวัติความเป็นมา และอายุใบลานธรรมเทศนาอายุ 42 ปี เขียนโดยอดีตพระบ้านหนองเขียด หรือหนานบุญทา เป็นภาษาบาลี และให้กำลังใจกับทีมค้นหาด้วย

ด้านอาจารย์ เฉลิม เยาว์ธานี สำนักสักยันต์มนต์นาคราช เชียงใหม่เปิดเผยว่าตนมีบ้านอยู่บ้านกู่ฮ่อ ต.บ้านหลวง และรู้จักลุงจันทร์ด้วยได้ร่วมกับทีมค้นหาและชาวบ้านออกคเนหาด้วยมาหลายวัน เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 29 พ.ค.65 ขณะที่ออกค้นหาไปตามลำห้วยลึก พบรอยเท้าคล้ายรอยเท้าเด็ก 4-5 รอย แต่ละรอยเท้าเดี๋ยว ชึ่งตามความเชื่อของคนโบราณว่าเป็นรอยเท้าของผีค้อย หรือ ผีกองกอย มีลักษณะแปลกมีเท้าเดียว เวลาเดินจะกระโดดไปทีละก้าว มีปากเป็นท่อคล้ายปากแมลงวันดูดเลือดเป็นอาหาร ชอบสะสมทรัพย์ไว้ตามถ้ำ หรือตามซอกไม้ซอกหิน คำโบราณเตือนไว้ว่าหากใครไปพบสมบัติห้ามเอา เมื่อเอาจะถูกผีค้อย หรื ผีกองกอยทำร้ายถึงแก่ชีวิต

ส่วนคำว่า ”ดอยหัวกระโหลก” อยู่ในพื้นที่ป่าตาดหมื่นอยู่เชิงดอยอิทนนท์ ตามประวัติคร่าวๆหลายพันปีที่ผ่านมามียักษ์เป็นเจ้าของผืนป่า ทุก 7 วันชาวบ้านต้องนำเด็กไปเซ่นยักษ์หากมิฉะนั้นแล้วยักษ์จะมากินคนทั้งหมู่บ้าน จึงมีซากหัวกระโหลกอยู่จำนวนมาก อยู่ในถ้ำจึงเรียกดอยสูงนี้ว่าดอยหัวกระโหลก ต่อมาทางครูบาชื่อดังท่านหนึ่งได้สร้างพระธาตุครอบดอยหัวกระโหลกและปิดปากถ้ำชึ่งในถ้ำมีสมบัติมากมาย หวั่นชาวบ้านจะเข้าไปขโมยและได้รับอันตราบ และตั้งวัดชื่อวัดดอยหัวกระโหลก ด้วยชื่อวัดที่น่ากลัวต่อมาได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น ”วัดพระธาตุดอยพระเจ้า” มาจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังมีผู้เฒ่าผู้แก่ยังเรียกชื่อเดิมว่า ”วัดดอยกระโหลก” ชื่อเดิม

ร่วมแสดงความคิดเห็น