(มีคลิป) ยกเลิก”เพื่อนช่วยเพื่อน” สอ.ตร.แพร่

ส่อเค้าวุ่น ยกเลิกโครงการเพื่อนช่วยเพื่อนของ สอ.ตร.แพร่

ยกเลิกโครงการ “เพื่อนช่วยเพื่อน” ของข้าราชการตำรวจที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรแพร่จำกัด เริ่งราวส่อเค้าวุ่นของคีวจภูธรจังหวัดแพร่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 65 เวลา 10.30 น. ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลบ้านถิ่น อ.เมือง จ.แพร่ พ.ต.ท.ธงชัย เนื่องพืช นายกเทศบาล ต.บ้านถิ่น อดีตรองผกก.สอบสวน หน.งานสอบสวน สภ.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ได้กล่าวต้อนรับตัวแทนสมาชิกสหกรณ์ ออมทรัพย์ตำรวจภูธรแพร่จำกัด ที่ได้จัดกิจกรรมประชุมเชิงเสวนา เกี่ยวกับการถูกยกเลิกโครงการเพื่อนช่วยเพื่อน “ของข้าราชการตำรวจที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรแพร่จำกัด โดย ไม่ทราบสาเหตุ ที่ พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดี ผบก.ภ.จว.แพร่ได้มีคำสั่งยกไป วันนี้ (29 พ.ค. 65) ทางตัวแทนสมาชิก

จึงได้มาประชุมเสวนาเพื่อหาทางออกว่าจะทำอย่างไร รูปแบบไหน ที่จะดำเนินการให้มีโครงการนี้กลับมาเหมือนเดิม โดยมี อดีต ผกก.ที่เกษียณอายุราชการแล้วหลเช่น พ.ต.อ.วันชัย เจริญผล ,พ.ต.อ.จำนงค์ รสปิตุพงษ์ ,พ.ต.อ.สุเกียรติ ถือทอง อดีต ผกก.หน.งานสืบสวน ภ.จว.แพร่และอดีต ผกก.มาจากเชียงราย,ลำปาง มาเป็นวิทยากรการเสวนา และทนายความ ที่ปรึกษาสมาคม จาก สตช.มาให้ความรู้ ในเรื่องของกฎหมาย ข้อบังคับระเบียบต่างๆ ของสมาชิกที่ร่วมโครงการเพื่อนช่วยเพื่อนที่ได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย ว่าจะมีวิธีการอย่างไร

ซึ่งทาง ผกก.ผู้ดำเนินรายการได้เปิดประเดนว่า ตามที่ได้มีสมาชิกสหกรณ์ฯ ที่ได้ร่วมโครงการดังกล่าว ที่ตั้งมาเกือบ 10 ปี แล้ว เป็นความสมัครใจของสมาชิกที่จะได้รับผลประโยชน์ให้กับตัวเองและครอบครัว ซึ่งได้หักเงินใาช่วยเหลือ เป็นการแบ่งเบาภาระให้กับ ครอบครัวของสมาชิกมานานพอสมควร ซึ่งโครงการนี้ ทุกจังหวัดของภาค5 ได้นำมาใช้เหมือนกัน บางจังหวัดได้เดินหน้าไปไกลแล้วเช่น เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง น่าน ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ทำไมที่แพร่ ถึงมีคำสั่งให้ยกเลิกเป็นที่กังขา มีคำถามคาใจ จึงได้มาประชุมเสวนากันในวันนี้ ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำจากทางทนายให้แนวทางว่า การที่สมาชิกได้จัดทำโครงการฯนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 ถือว่านานพอสมควร สมาชิกสูญเสียเงินที่หักไว้ไปเท่าไหร่ มีกี่คน ทุกคนที่เป็นสมาชิกคือผู้เสียหาย สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายคืนได้ ซึ่งคำสั่งของประธานสหกรณ์ฯที่มีคำสั่งยกเลิกนั้น เป็นคำสั่งที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ อย่างไร ที่ใช้อำนาจคำสั่งยกเลิกไปนั้น ได้ประชุมชี้แจงให้สมาชิกทราบหรือไม่ ถ้าหากสมาชิกจะดำเนินการฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย สามารถกระทำได้ แต่ควรที่จะรวมกลุ่มกันฟ้อง เพราะถือว่าเป็นผู้ได้ เสีย เหมือนเดียวกัน

ทางตัวแทนวิทยากรกล่าวว่า โครงการนี้มันไม่ได้พึ่งก่อตั้งมา มันมีมานานหลายปี มีทั่วภาค 5 พรบ.นี้ออกมาใครคือผู้เสียหาย โครงการนี้เป็นโครงการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่มีการบังคับ เป็นความสมัครใจของสมาชิกเอง ถ้ามันผิด มันก็ต้องผิดหมด ทำไมไม่ยุบ หรือยกเลิกทั้งหมด ที่ทางสมาชิกให้สหกรณ์เป็นผู้รวบรวมเงินเป็นธุระจัดการให้กับสมาชิกนั้นเนื่องจากว่า เป็นศูนย์กลางมี่สำนักงานที่มั่นคงตั้งอยู่ ภ.จว.ง่ายต่อผู้ให้และผู้รับบริการ จนท.การเงินที่หักเงินโครงการของสมาชิก เพราะเป็นมติที่ประชุม ให้หักเงินสมาชิกรวบรวมไว้ที่สหกรณ์ ง่ายต่อการบริการของสมาชิกและญาติที่มาขอรับเงินมันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนวุ่นวาย เพียงแต่ว่าเอาเงินจากอีกที่ ไปอีกที่หนึ่งที่มีผู้ดูแลเก็บไว้เหมือนกับสมาชิกฌาปนกิจทั่วไปนั่นแหละ ดีกว่าทำประกันชีวิตเสียอัก

หลังเลิกประชุมแล้ว ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ พ.ต.อ.สุเกียรติ ถือทอง วิทยากรผู้ร่วมเสวนาในที่ประชุมเสวนาได้ให้สัมภาษณ์ความเป็นมาของโครงการว่า โครงการดังกล่าวนั้นได้จัดตั้งมานานเกือบ 10 ปี มีสมาชิกประมาณ 1,000 กว่าคน วัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเพื่อนสมาชิกสหกรณ์ที่มีปัญหาในการกู้เงินฯ ไม่ให้ผู้คัำประกันเดือดร้อนและเป็นการดูแลถึงครอบครัว เมื่อสมาชิกบางคนเสียชีวิตหรือถูกไล่ออกจากราชการ ไม่มีเงินมาใช้หนี้ที่มีอยู่ และมาเยียวยาช่วยเหลือได้ทำให้ผู้ค้ำประกัน และครอบครัวได้รับผลกระทบ เดือดร้อนมาก พอมีโครงการ “เพื่อนช่วยเพื่อน” เราไม่ทิ้งกันขึ้นมานี้ทำให้ครอบครัวอบอุ่นใจ มีความหวังว่า หากได้ของโครงการเพื่อนช่วยเพื่อนมานี้ถึงแม้นว่าจะไม่เหลือ ขอให้พอใช้หนี้สินก็ดีใจแล้ว เพราะทางสหกรณ์ไม่มีสวัสดิการหรือเงินมาช่วยเหลือเยียวยาแต่อย่างใด

พอผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ ซึ่งท่านพึ่งมารับตำแหน่งใหม่ไม่นาน แล้วมายกเลิกโครงการนี้แบบกระทันหัน โดยไม่ได้แจ้งหรือประชุมชี้แจงให้กับทางสมาชิกทราบแต่อย่างใด ทำให้สมาชิกได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก อยากเรียนถามไปยังท่านผู้การด้วย

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ ภ.จว.แพร่ เพื่อขอเข้าพบท่านผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ เพื่อสอบถามรายละเอียด ถึงคำสั่งและเหตุผลที่ได้ยกเลิก โครงการดังกล่าว ข้างต้น จะได้ข้อมูลทั้งสองฝ่ายนำมาเสนอให้ครบถ้วนสมบูรณ์ จึงได้สอบถาม จนท.ตร.ที่เข้าไปในห้องผู้บังคับการรับแจ้งจากข้าราชการตำรวจว่า ท่านผู้บังคับการฯ ไม่อยู่ กลับภูมิลำเนาที่ต่างจังหวัดยังมาไม่ถึงคงอยู่ระหว่างการเดินทาง ไม่ทราบว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ ผู้สื่อข่าวจึงต้องผิดหวังกลับไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น