หนุ่มอเมริกันช็อกหนัก แพทย์พบท่อช่วยหายใจในท้องขนาดยาว 10 นิ้ว และอยู่ในท้องของเขามานานกว่า 30 ปี หลังเขามาพบแพทย์ด้วยอาการปวดท้องอย่างรุนแรง อาเจียน และหายใจลำบาก ก่อนแพทย์พบท่อช่วยหายใจภายในท้อง สาเหตุอาจมาจากการรักษาตั้งตอนที่เขาอายุ 6 ขวบ
เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา สำนักข่าวนิวยอร์กโพสต์ รายงานข่าวเกี่ยวกับ เรเน่ รีมาเช หนุ่มวัย 39 ปี ที่พบท่อช่วยหายใจในท้อง หลังเขามีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง อาเจียน หายใจลำบาก และเป็นโรคกระเพาะมาหลายปี
จนเมื่อปี 2562 ช่วงที่เขาไปเที่ยวกับครอบครัวที่เม็กซิโก อาการต่าง ๆ ของเรเน่ก็เริ่มแย่ลง เขาบอกว่า
“ รู้สึกแปลก ๆ ที่บริเวณหน้าอกและลำคอ เหมือนมีบางอย่างติดอยู่ มันรบกวนการหายใจของผมจริง ๆ ” อีกทั้งเมื่อ เรเน่ ไปพบแพทย์ที่คลินิกแห่งหนึ่งในเม็กซิโก กล่าวว่าเขาเป็นโรคหลอดลมอักเสบ และส่งยาปฏิชีวนะให้เขา แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น
เมื่อเรเน่กลับมาที่นิวยอร์ก เขาตัดสินใจ X-ray ตรวจหาความผิดปกติในส่วนต่างๆของร่างกาย ที่ รพ. และแล้วต้องพบกับเรื่องน่าตกใจสุดขีด เมื่อแพทย์ตรวจพบมีท่อช่วยหลายใจขนาด 10 นิ้ว วางอยู่ตามส่วนโค้งภายในบริเวณท้องของเขา เขาตกใจจนอ้าปากค้าง และบอกว่าไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในท้องผมได้ยังไง ในที่สุดท่อช่วยหายใจก็ถูกนำออกโดยศัลยแพทย์ ที่ศูนย์การแพทย์ไมโมนิเดส เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2562
เรเน่ บอกว่า ในชีวิตมีครั้งเดียวที่เขาเคยใส่ท่อช่วยหายใจนั้น ก็คือตอนที่เรเน่ อายุเพียง 6 ขวบ เขาตกจากหน้าต่างชั้นสองในเดือนเมษายน 2532 ตอนนั้นเขาอาศัยอยู่ที่วูดไซด์กับปู่ย่าตายาย ซึ่งอพยพมาจากเอกวาดอร์ เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเอล์มเฮิร์สต์ ด้วยอาการบาดเจ็บกะโหลกศีรษะแตก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และท่อหายใจ
ตามรายงานผลการรักษาครั้งนั้น พบว่าเรเน่มีภาวะกระสับกระส่าย แม้จะมีเครื่องช่วยหายใจ แต่หายใจไม่สอดคล้องกับเครื่องช่วยหายใจเป็นระยะหลายชั่วโมง เรเน่จึงสามารถถอดเครื่องช่วยหายใจได้
ทนายความของเขาเชื่อว่า อุปกรณ์บางส่วนทางการแพทย์หรือทั้งหมด คงจะค้างคาอยู่ในร่างกายของเขาตั้งแต่รักษา แต่แพทย์ไม่ได้สังเกต
ต่อมาเรเน่ยื่นฟ้องเพื่อให้สถานพยาบาลเอลม์เฮิร์สต์ และเจ้าของสถาบัน New York City Health and Hospitals แต่ทางสถานบันยืนกรานว่าท่อช่วยหายใจที่พบในร่างกายของเรเน่ในปี 2562 นั้นแตกต่างจากท่อที่เขาเคยถูกใส่ท่อช่วยหายใจเมื่อตอนเป็นเด็ก พร้อมปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นใด ๆ โดยทั้งสองฝ่ายก็ขึ้นศาลและการพิจารณาคดีจะมีขึ้นในวันที่ 11 ตุลาคม ปีนี้
ขอบคุณที่มาข่าวจาก New York post
ร่วมแสดงความคิดเห็น