แม่ฮ่องสอนชูแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ถนนสายสงครามโลกครั้งที่ 2

b.4แม่ฮ่องสอนชูแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ถนนสายสงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อมเปิดโครงการพระราชดำริให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว รุกเจาะตลาดชาวญี่ปุ่นและเกาหลี หนุนการเข้ามาท่องเที่ยวแบบพำนักระยะยาว (Long Stay) หวังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 รวมทั้งยกระดับและสร้างการรับรู้แหล่งท่องเที่ยวในโครงการพระราชดำริฯ

เมื่อเร็วๆนี้ นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยนายสำเริง ไชยเสน หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ และนายพรหมโชติ ไตรเวช ผู้ตรวจราชการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ร่วมกันแถลงข่าว “โครงการพัฒนารูปแบบกิจกรรมและผลิตภัณฑ์เพื่อการท่องเที่ยว และโครงการยกระดับแหล่งท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดให้ได้มาตรฐาน” ณ ห้องกระดังงา ชั้น 3 โรงแรมโกลเด้นทิวลิป ซอฟเฟอริน กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีเสน่ห์ทางการท่องเที่ยวในหลายมิติ ทั้งในเชิงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม วิถีชีวิตของชาวไทยใหญ่ที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่ยังคงมีการอนุรักษ์และสืบสานศิลปะและวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์อย่างเหนียวแน่น มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่โดดเด่นหนึ่งเดียวในไทย คือ ภูโคลน แหล่งโคลนสุขภาพของเมืองไทยและเป็นแหล่งโคลน 1 ใน 3 แหล่งของโลก พร้อมทั้งแหล่งท่องเที่ยวในโครงการพระราชดำริ อาทิเช่น ศูนย์โครงการจัดหมู่บ้านรวมไทย ตามพระราชดำริ (ปางอุ๋ง) เป็นต้น นอกจากนั้นพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนในอดีตยังเคยเป็นเส้นทางถอยทัพของกองทัพญี่ปุ่นยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงมีเรื่องราวความผูกพันและมิตรภาพเกิดขึ้นระหว่างคนญี่ปุ่นและคนไทยอันแน่นแฟ้นยาวนานสืบเนื่องมาจนถึงวันนี้
ซึ่งที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาเยือนจังหวัดแม่ฮ่องสอนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อปี 2557 มีนักท่องเที่ยวถึง 750,000 คน และคาดว่าปี 2558 เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 5% สร้างรายได้แก่จังหวัดแม่ฮ่องสอนกว่า 6,000 ล้านบาท ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าว

ด้านนายพรหมโชติ ไตรเวช ผู้ตรวจราชการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ภาคเหนือตอนบนทั้ง 8 จังหวัด ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ และน่าน มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากมีความได้เปรียบของธรรมชาติ เช่น ภูเขาที่สวยงามและสลับซับซ้อน วัฒนธรรมล้านนา ความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์กระจายทั่วไป ซึ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมเยือนภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก ถึงแม้ภาคเหนือตอนบนจะมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในหลายๆ ด้าน แต่จะต้องมีการพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวใหม่ที่มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น ธุรกิจ MICE การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวพำนักระยะยาว การท่องเที่ยวชุมชน การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และการเปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ในกลุ่มประเทศ GMS เพื่อเชื่อมโยงสู่อาเซียน (AEC) ต่อไปในอนาคต

ขณะที่นายสำเริง ไชยเสน หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน ร่วมกับจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้จัดทำโครงการพัฒนารูปแบบกิจกรรมและผลิตภัณฑ์เพื่อการท่องเที่ยว ภายใต้กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเส้นทางประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 และและโครงการยกระดับแหล่งท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดให้ได้มาตรฐาน ภายใต้กิจกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 “ศิลปาชีพ ชาติพันธุ์ล้านนา เทิดไท้องค์ราชินี” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 รวมทั้งยกระดับและสร้างการรับรู้แหล่งท่องเที่ยวในโครงการพระราชดำริฯ ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย อันจะนำไปสู่การเข้ามาท่องเที่ยวแบบพำนักระยะยาว (Long Stay) โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและเกาหลีซึ่งมีความผูกพันกับพื้นที่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มานาน

นายสำเริง กล่าวต่อว่า สำหรับรายละเอียดการจัดงานตามโครงการยกระดับแหล่งท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดให้ได้มาตรฐาน ภายใต้กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 “ศิลปาชีพ ชาติพันธุ์ล้านนา เทิดไท้องค์ราชินี” มีกิจกรรมประกอบด้วย การจัดโรด์โชว์ (Road Show) งานแสดงนิทรรศการเพื่อยกระดับแหล่งท่องเที่ยวบริเวณศูนย์ศิลปาชีพ ภายใต้ชื่องาน “ศิลปาชีพ ชาติพันธุ์ล้านนา เทิดไท้องค์ราชินี” 4 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 จังหวัดลำพูน จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 12 – 13 มีนาคมที่ผ่านมา ณ วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร จังหวัดลำพูน ครั้งที่ 2 จังหวัดลำปาง จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 17 – 18 มีนาคมที่ผ่านมา ณ ลานรถม้า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาลำปาง จังหวัดลำปาง

หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ส่วนครั้งที่ 3 จังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 25 – 27 มีนาคม 2559 ที่จะถึงนี้ ณ สนามบินเก่า อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน และครั้งที่ 4 จังหวัดเชียงใหม่ จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 30 – 31 มีนาคม 2559 ณ ชั้น G ศูนย์การค้าเมญ่า จังหวัดเชียงใหม่ โดยภายในงานจะมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนาและบูธโครงการพระราชดำริในจังหวัดแม่ฮ่องสอน 9 โครงการ อาทิเช่น ศูนย์โครงการจัดหมู่บ้านรวมไทย ตามพระราชดำริ (ปางอุ๋ง) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรม FAM Trip รูปแบบคาราวานรถยนต์เพื่อการท่องเที่ยว โดยนำสื่อมวลชน ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว สมาคมท่องเที่ยวและกลุ่มนักท่องเที่ยวในโซนเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะญี่ปุ่น ซึ่งมีความผูกพันกับพื้นที่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน มาทดลองท่องเที่ยวและร่วมย้อนรอยเส้นทางประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ในวันที่ 25 – 27 มีนาคม 2559 (เส้นทางเชียงใหม่ – อำเภอปาย – อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน – อำเภอขุนยวม – จังหวัดเชียงใหม่)

นายสำเริง กล่าวต่อไปว่า ส่วนรายละเอียดการจัดงานตามโครงการพัฒนารูปแบบกิจกรรมและผลิตภัณฑ์เพื่อการท่องเที่ยว ภายใต้กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเส้นทางประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 มีกิจกรรมประกอบด้วย การจัดงานรำลึกประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ภายใต้ชื่องาน “ย้อนรอย เส้นทางถนนสายสงคราม” จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 25 – 27 มีนาคม 2559 ณ สนามบินเก่า อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ภายในงานพบกับการออกบูธจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ OTOP สินค้าท้องถิ่นของญี่ปุ่นและไทย การแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นทุกวัน โดยในวันที่ 25 มีนาคม 2559 พบกับการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินตำนานเพลงเพื่อชีวิต หงา คาราวาน สำหรับพิธีเปิดงานจะมีขึ้นในวันที่ 26 มีนาคม 2559 พบการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินขลุ่ยชั้นครู อาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี และการแสดง แสง สี เสียง ชุด “ขุนยวม ชีวิตงามเมืองสามหมอก สายสัมพันธ์แห่งสงครามและมิตรภาพ” ส่วนในวันที่ 27 มีนาคม 2559 นอกจากจะมีการแสดง แสง สี เสียง ชุด “ขุนยวม ชีวิตงามเมืองสามหมอก สายสัมพันธ์แห่งสงครามและมิตรภาพ” แล้ว ยังจัดให้มีการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินไทยใหญ่อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรม FAM Trip เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยนำสื่อมวลชน ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว สมาคมท่องเที่ยว ที่ต้องการท่องเที่ยวพำนักระยะยาว (Long Stay) จากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี มาทดลองท่องเที่ยว เพื่อยกระดับแหล่งท่องเที่ยวบริเวณศูนย์ศิลปาชีพ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในวันที่ 25 – 27 มีนาคม 2559 (เส้นทางเชียงใหม่ – อำเภอปาย – อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน – อำเภอขุนยวม – เชียงใหม่)

นอกจากนั้นทั้ง 2 โครงการยังได้มีการจัดทำ “สารคดีท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์” ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวตามเส้นทางประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 และจัดทำ“สารคดีเชิงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น” ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวโครงการพระราชดำริ พื้นที่ศูนย์ศิลปาชีพ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เผยแพร่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ตลอดจนการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ได้แก่ ป้าย Cut Out, Mini Cut Out และแผ่นพับประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 และการประชาสัมพันธ์ผ่านทาง Social Network ได้แก่ Facebook, Youtube และ Website อีกด้วย หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวส่งท้าย

ร่วมแสดงความคิดเห็น