ตั้งเป้าพัฒนาสหกรณ์ หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

b4 w=4.5h=5
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ

ก.เกษตรฯ เดินหน้าแผนพัฒนาสหกรณ์สู่ความเข้มแข็ง ปี 2559-60 พร้อมขับเคลื่อนแผนในปีงบประมาณ 2560 ภายใต้ 5 มาตรการ ระบุจำนวน 14 โครงการ วงเงินงบประมาณกว่า 252 ล้านบาท เพื่อผลักดันให้การพัฒนาระบบสหกรณ์เกิดความเข้มแข็ง และเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระดับฐานรากของประเทศได้อย่างแท้จริง

พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของขับเคลื่อนแผนพัฒนาความเข้มแข็งสหกรณ์ ปี 2559-60 ซึ่งขณะนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีคำสั่งกำหนดอำนาจหน้าที่ในระดับกรม ระดับเขต และระดับจังหวัด เพื่อกำกับ ดูแล และพัฒนาความเข้มแข็งของสหกรณ์ในแต่ละระดับชั้น ส่วนในระดับจังหวัดได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานในระดับจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนการยกระดับชั้นสหกรณ์ในจังหวัด มีการคัดเลือกสหกรณ์กลุ่มเป้าหมายในการยกระดับชั้น และบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานสหกรณ์จังหวัดและสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์จังหวัด เพื่อปรับความรู้ความเข้าใจในการประเมินสหกรณ์ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และร่วมกันวางแผนขับเคลื่อนการยกระดับชั้นสหกรณ์เป้าหมาย ตามแผนที่กำหนด

พลเอกฉัตรชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์ยังได้ดำเนินการจัดตั้งสถาบันพัฒนากรรมการสหกรณ์และฝ่ายจัดการสหกรณ์ โดยได้จัดอบรมเพื่อพัฒนากรรมการสหกรณ์สู่การเป็นผู้นำแบบมืออาชีพแล้ว 187 ราย จากเป้าหมาย 22,025 รายและเตรียมที่จะจัดตั้งโรงเรียนผู้ตรวจการสหกรณ์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมและสรุปข้อมูลเพื่อจัดทำหลักสูตร และตั้งคณะทำงาน โดยจะเริ่มอบรมเดือนเมษายน 2559 โดยมีเป้าหมาย 2,371 ราย ขณะเดียวกันได้มีการตั้งงบประมาณ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาความเข้มแข็งสหกรณ์ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ภายใต้ 5 มาตรการ จำนวน 14 โครงการ วงเงินงบประมาณ 252 ล้านบาท คาดว่าการขับเคลื่อนแผนพัฒนาความเข้มแข็งสหกรณ์จะเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม สามารถบรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งหวังจะพัฒนาระบบสหกรณ์ให้เกิดความเข้มแข็ง และเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระดับฐานรากของประเทศได้อย่างแท้จริง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดระดับมาตรฐานสหกรณ์ซึ่งแบ่งเป็น 4 ระดับ ได้แก่ สหกรณ์ชั้นที่ 1 การมีส่วนร่วมของสมาชิกทำธุรกิจกับสหกรณ์ต้องเกิน 70% มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ มีความมั่นคงเข้มแข็งและมีระบบการควบคุมภายในระดับดีถึงดีมาก ข้อบกพร่องไม่มีหรือมีแต่แก้ไขเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันมีจำนวน 2,252 แห่ง สหกรณ์ชั้นที่ 2 การมีส่วนร่วมของสมาชิกทำธุรกิจกับสหกรณ์ 60-69 % ประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ ระดับยังต่ำกว่ามาตรฐาน การควบคุมภายในระดับพอใช้ ข้อบกพร่องอยู่ระหว่างการแก้ไขแต่ยังไม่แล้วเสร็จ ปัจจุบันมีจำนวน 4,201 แห่ง สหกรณ์ระดับชั้นที่ 3 เรื่องการมีส่วนร่วมของสมาชิกที่ทำธุรกิจกับสหกรณ์ยังต่ำกว่า 60 % ประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ อยู่ในระดับต้องปรับปรุงและแก้ไขอย่างเร่งด่วน ระบบการควบคุมภายในต้องมีปรับปรุงและไม่มีระบบการควบคุมภายในเลย มีข้อบกพร่องและยังไม่ได้รับการแก้ไข ปัจจุบันมีจำนวน 788 แห่งและสหกรณ์ชั้นที่ 4 เป็นสหกรณ์ที่นายทะเบียนสั่งยกเลิกกิจการแล้ว และอยู่ระหว่างการชำระบัญชี ปัจจุบันมีจำนวน 1,088 แห่ง

พลเอกฉัตรชัย กล่าวในตอนท้ายว่า ทั้งนี้ภายในปี 2559 จะเร่งการยกระดับชั้นสหกรณ์ จากสหกรณ์ชั้น 2 เป็นชั้น 1 จำนวน 1,059 แห่ง และจากสหกรณ์ชั้น 3 เป็นชั้น 2 จำนวน 226 แห่ง รวมถึงการชำระบัญชีสหกรณ์ชั้น 4 จำนวน 814 แห่ง และภายในปี 2560 จะต้องยกระดับสหกรณ์ให้ก้าวสู่มาตรฐาน ชั้นที่ 1 จำนวน 4,629 แห่ง สหกรณ์ชั้นที่ 2 จะต้องลดลงเหลือ 2,173 แห่ง สหกรณ์ชั้นที่ 3 จะต้องลดลงเหลือ 340 แห่ง และสหกรณ์ชั้นที่ 4 จะต้องชำระบัญชีและยุบเลิกสหกรณ์ให้แล้วเสร็จทุกแห่ง โดยปัจจุบันดำเนินการยุบเลิกแล้ว 38 แห่ง จากเป้าหมาย 1,088 แห่ง แบ่งเป็นในปี 2559 จำนวน 814 แห่ง และปี 2560 อีก 274 แห่ง

ร่วมแสดงความคิดเห็น