เทศบาลฯเชียงใหม่ เร่งแก้ไขปัญหาสาหร่ายสีเขียวลอยเกลื่อนในคูเมือง หลังสภาพอากาศร้อนจัดสาหร่ายเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วจนเต็มคูเมือง ตั้งแต่ บริเวณแจ่งก๊ะต๊ำไปจนถึงบริเวณแจ่งกู่เฮือง ส่งผลต่อภาพพจน์การท่องเที่ยว ขณะที่ทางรองนายกฯ ย้ำสาหร่ายดังกล่าวไม่มีอันตรายคุณภาพน้ำยังปกติ แจงเหตุที่ปีนี้รุนแรงกว่าทุกปีเนื่องจากไม่มีการผันน้ำเนื่องจากภัยแล้ง
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 เม.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณคูเมือง ด้านประตูเชียงใหม่ นายชาตรี เชื้อมโนชาญ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ของเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้ร่วมกันลงตรวจและดำเนินการกำจัดสาหร่ายสีเขียวที่ลอยเป็นแพอยู่เหนือน้ำบริเวณจุดคูเมืองตั้งแต่บริเวณแจ่งก๊ะต๊ำ ยาวไปจนถึงบริเวณแจ่งกู่เฮือง โดยได้มีการนำรถสูบน้ำของทางเทศบาลจำนวน 5 คัน มาดำเนินการดูดสาหร่ายที่ลอยเกลื่อนเป็นสีเขียวมองเห็นได้อย่างชัดเจนออกไปเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น
ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการดำเนินการกำจัดกับสาหร่ายดังกล่าวก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดประกอบกับสาหร่ายดังกล่าวมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วส่งผลให้น้ำมีสภาพเป็นสีเขียวและดูสภาพแย่ไปมากกว่าเดิม และทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่พบเห็นคิดว่าน้ำในคูเมืองเกิดการเน่าเสียและเป็นอันตรายหากสัมผัสหรือนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆ
ขณะเดียวกันเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวทาง นายชาตรี เชื้อมโนชาญ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวว่า จากปัญหาเกี่ยวกับน้ำในคูเมืองที่มีสาหร่ายเจริญเติบอย่างหนาแน่นจนน้ำเป็นสีเขียวนั้น ที่ผ่านมาทางเทศบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเริ่มดำเนินการแก้ไขมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่เนื่องจากปัญหาภัยแล้งที่ในปีนี้ส่งผลกระทบไปทั่วทุกพื้นที่ส่งผลให้กระทบกับการดำเนินการแก้ไขปัญหาในจุดนี้ด้วย เนื่องจากปกตินั้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ จะมีการทำความสะอาดคูเมือง ที่มีน้ำสะอาดปล่อยมาจากเขื่อนแม่งัด เพื่อมาระบายน้ำทิ้งก่อนถึง 2 ครั้ง แต่ในปีนี้จากปัญหาภัยแล้งทำให้ไม่มีการปล่อยน้ำมาระบายน้ำในคูเมืองแต่อย่างใด เนื่องจากจำเป็นที่จะต้องจำกัดน้ำในการใช้อุปโภคบริโภคในภาพรวม ประกอบกับจังหวัดเชียงใหม่ของเรานั้นมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากการท่องเที่ยวและการเกษตร ที่ภัยแล้งส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกหลายพื้นที่ โดยเฉพาะลำไย กระเทียม หอมแดง ที่เป็นพืชเกษตรที่สำคัญของจังหวัด หากนำน้ำมาใช้ในการแก้ปัญหาส่วนนี้หมดก็จะส่งผลต่อทางภาคเกษตรที่จะขาดแคลนน้ำใช้ได้
อย่างไรก็ตามทางเทศบาลก็ได้มีการพูดคุยกับทางชลประทาน และได้มีการปล่อยน้ำมาช่วยเติมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาแต่ก็ไม่ได้มีการระบายน้ำทิ้งอย่างเช่นทุกปีที่ผ่านมา ส่วนปัญหาของสาหร่ายที่เกิดขึ้นมากนั้นเนื่องจากว่าในปีนี้มีสภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้สาหร่ายชนิดนี้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และนอกจากนี้มีเสียงจากประชาชนสอบถามเข้ามาว่าน้ำในจุดนี้เสียหรือไม่ โดยจากการตรวจสอบค่าออกซิเจนในน้ำตรงจุดนี้ยังคงอยู่ในระดับที่ปกติอยู่ ซึ่งสัตว์น้ำยังคงสามารถอาศัยอยู่ได้ โดยจะสังเกตุได้ว่าในปีนี้ไม่มีสัตว์น้ำลอยตายอยู่ หากเทียบกับบางปีที่ผ่านมาจะสังเกตุเห็นว่าสาหร่ายสีเขียวไม่มีแต่สัตว์น้ำตายมากกว่า นอกจากนี้ทางนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ก็ได้มีการกำชับหน่วยงานสุขาภิบาลให้ดูแลให้ดีที่สุด และอาจมีบางคนไม่เข้าใจว่าทางเทศบาลดำเนินการเองหรือไม่ ซึ่งต้องชี้แจงว่าในการดำเนินการนั้นก็มีหน่วยงานอื่นๆ มาร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , มหาวิทยาลัยแม่โจ้ , โครงการบริหารจัดการน้ำ รวมไปถึงสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 เข้ามาช่วยดูแลในจุดนี้ แล้วก็ได้มีการตรวจสอบน้ำบ่อยมาก
รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ปัญหาเรื่องน้ำเป็นสีเขียวนั้นเกิดขึ้นทุกปี แต่พบว่าปีนี้มีปัญหามากเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ประกอบกับไม่ได้รับน้ำที่จะมาผันน้พเสียออกก่อน โดยช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา มีโซนที่เล่นน้ำได้อย่างปลอดภัยตั้งแต่แจ่งหัวรินมาจนถึงบริเวณข่วงประตูท่าแพ แต่ตรงบริเวณโซนนี้ทางเทศบาลก็ได้นำเรียนประชาชนว่าสามารถเล่นได้แต่มันจะดูไม่เหมาะสมและมองดูว่าสกปรกเท่านั้น แต่สาหร่ายที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงพืชน้ำชนิดหนึ่งที่คลายกับ จอกแหน ที่พบเห็นได้ตามลำน้ำต่างๆ หากถามว่ามีอันตรายหรือไป ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีอันตรายแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามจากปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ทางเทศบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ในการควบคุมดูแลเกี่ยวกับสาธารณสุข และทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ทางเทศบาลได้มีการทดลองใช้สารชีวภาพชนิดหนึ่งโดยได้มีการทดลองฉีดแล้วและต้องเฝ้าติดตามผล 7 วัน หากพบว่าสามาถแก้ไขปัญหาได้ก็จะทำการนำมาฉีดพ่นทั่วทั้งหมดอีกรอบ ส่วนน้ำที่ได้ดำเนินการดูดออกไปแล้วนั้นก็จะนำไปปล่อยในคูหรือลำเหมืองที่มีน้ำเน่าเสียเพื่อเป็นการชะล้าง เนื่องจากน้ำที่เป็นสาหร่ายนั้นไม่ใช่น้ำเสีย รวมทั้งจะนำไปใช้เป็นน้ำรดต้นไม้ในพื้นที่ต่อไป
ร่วมแสดงความคิดเห็น