ธ.ก.ส.กันเงินสำรองถึง586% รับความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ

imgres
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยผลดำเนินงานในปีบัญชี 2558 (1 เมษายน 2558 – 31 มีนาคม 2559)ว่าธนาคารได้ตั้งสำรองเพิ่มอีก 1.9 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้เงินที่ตั้งสำรองเพื่อรองรับการจัดชั้นหนี้ตามมาตรฐานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำรองตามความจำเป็นตามที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมจากคณะกรรมการกระทรวงการคลัง และ ธปท. แล้วโดยมีวงเงินทั้งสิ้นกว่า 2.23 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 586 % ของยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)

ทั้งนี้การกันสำรองเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะสถานการณ์ภัยแล้งที่มีมาต่อเนื่องช่วง 2 ปี จนเกษตรกรต้องงดทำนาปรัง ประกอบกับธนาคารได้ออกมาตรการบรรเทาผลกระทบให้ลูกค้าหลายโครงการ เช่น โครงการลดภาระดอกเบี้ย และขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปอีก 24 เดือนจึงเห็นว่าควรมีการตั้งสำรองเพิ่มในส่วนของลูกหนี้เหล่านี้อีก 1.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มจากปีบัญชีก่อนหน้าที่มีการทยอยตั้งสำรองมาแล้วกว่า 2.1 แสนล้านบาท และเมื่อธปท. เข้ามาตรวจสอบฐานะการเงินก็เห็นชอบกับการตั้งสำรองเพิ่มตามความจำเป็นที่ธ.ก.ส.มีอยู่ และเตรียมจะไปเชิญชวนให้สถาบันการเงินอื่นมีการตั้งสำรองเพิ่มจากเกณฑ์มาตรฐานแบบ ธ.ก.ส. บ้าง

“การที่สำรองไว้มากๆ เพื่อเป็นเบาะกันตกกระแทกในอนาคต อีกทั้งยังทำให้บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่ออย่างทริสจัดอันดับเรตติ้ง ธ.ก.ส. ไว้ที่ระดับไม่มีความเสี่ยงเลย” นายลักษณ์ กล่าว

สำหรับผลดำเนินงานปีบัญชี 2558 ธ.ก.ส.มีเอ็นพีแอลอยู่ที่ 4 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.23% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย เนื่องจากมาตรการผ่อนปรนทางด้านหนี้สินให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบภัยแล้งและภาวะราคาสินค้าเกษตรตกต่ำจำนวนกว่า 1.28 ล้านราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อทั้งสิ้น 1.67 แสนล้านบาท รวมทั้ง ธ.ก.ส. ได้คืนดอกเบี้ยให้เกษตรกรตามโครงการชำระดีมีคืน เป็นจำนวนเงิน 2,231 ล้านบาท และได้นำเงินปันผลส่งเป็นรายได้เข้าคลัง 3,595 ล้านบาท ส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 1,665 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 0.18% ของยอดเงินฝาก ส่งผลให้ ธ.ก.ส. มีกำไรสุทธิ 8,905 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไร 1.03 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ยอดสินเชื่อปล่อยใหม่เพิ่มขึ้น 1.15 แสนล้านบาท ส่งผลให้ยอดคงค้างอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10.63% มียอดเงินฝาก 1.31 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.69 หมื่นล้านบาทคิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 6.24% ทำให้มีสินทรัพย์ ณ สิ้นปีบัญชี 2558 ทั้งสิ้นกว่า 1.5 ล้านล้านบาท และมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง หรือ บีไอเอส ที่ 11.47% สูงกว่าเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด

สำหรับแผนการดำเนินงานปีบัญชี 2559 ( 1 เมษายน 2559 -31 มีนาคม 2560) ตั้งเป้าขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้น 120,000 ล้านบาท หรือขยายตัว 10% โดยเน้นการดำเนินงานตามโครงการสินเชื่อหนึ่งตำบลหนึ่งเอสเอ็มอีเกษตร และโครงการชุมชนปรับเปลี่ยนการผลิตสู้วิกฤติภัยแล้งในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง 26 จังหวัด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตรให้เกิดการจ้างงานในภาคชนบทและสนับสนุนการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตรตามนโยบายของรัฐบาล

ร่วมแสดงความคิดเห็น