ธ.ก.ส.เตรียมระบบพร้อมรองรับอีเพย์เมนต์ จ่อสำรวจข้อมูลลูกค้าปูพื้นขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้น้อย คาดโอนเงินสวัสดิการรัฐบาลเข้าบัญชีประชาชนได้ ต.ค.2559
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงแผนงานที่สำคัญในปีบัญชี 2559 (1เม.ย.2559-31 มี.ค.2560) ว่า ธ.ก.ส. ได้เตรียมเรื่องอีเพย์เมนต์ ตามนโยบายรัฐบาลในโครงการระบบการชำระเงินแบบ Any ID (นานานาม) ซึ่งได้วางระบบกลางและจะเปิดใช้ใน 26 ก.ค.2559 นี้ หลังจากนั้นจะส่งเจ้าหน้าขึ้นทะเบียนลูกค้าเป็นเวลา 2 เดือน ตามโครงการขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้น้อย
โดยเบื้องต้นจะใช้วิธีประเมินลูกค้าจากเงินที่ค้างอยู่ในบัญชีเงินฝากประจำ ถ้ามีไม่ถึง 3 หมื่นบาทถือว่าเข้าเกณฑ์ โดยลูกค้าที่ขึ้นทะเบียนสามารถเลือกได้ว่าจะเชื่อมระบบการชำระเงินเข้ากับหมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ หรือหมายเลขบัญชี เพื่อใช้เป็นช่องทางในการรับเงินสวัสดิการ การโอน จ่าย ชำระเงิน ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดว่าระบบ ธ.ก.ส.จะมีความพร้อม และเริ่มโอนเงินได้ตั้งแต่ 26 ก.ย.2559 เป็นต้นไป เพื่อรองรับกับการโอนเงินสวัสดิการของรัฐบาลเข้าบัญชีประชาชนในเดือน ต.ค.2559 นี้
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้เดินหน้าเรื่องการแยกบัญชีพิเศษในโครงการตามนโยบายรัฐบาล (พีเอสเอ) ยอด ณ สิ้นเดือน มี.ค.2559 มีทั้งหมด 46 โครงการ เป็นโครงการใหม่ที่เกิดขึ้นในปีบัญชี 2558 จำนวน 12 โครงการ และสิ้นสุดในปีบัญชี 2 โครงการ คงเหลือเงินให้สินเชื่อ 8.03 หมื่นล้านบาท ซึ่งในส่วนของโครงการที่เกิดขึ้นในรัฐบาลได้มีการตั้งงบประมาณทยอยชำระทุกโครงการแล้ว เมื่อรวมกับลูกหนี้รอการชดใช้โครงการนโยบายรัฐ 2.1 แสนล้านบาท ซึ่งหมายถึงโครงการรับจำนำข้าวและพืชอื่นก่อนหน้านี้ จะคิดเป็นยอดรวมทั้งสิ้นกว่า 2.8 แสนล้านบาท
รวมทั้งยังได้เตรียมความพร้อมของ ธ.ก.ส. ในการปฏิบัติตามเกณฑ์กำกับดูแลของ ธปท.ระยะที่ 1 ที่เริ่มแล้วตั้งแต่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีประกาศทั้งหมด 22 ฉบับแต่ที่เกี่ยวข้องกับ ธ.ก.ส.มี 16 ฉบับ รวม 6 หมวด ได้แก่ เรื่อง ธรรมาภิบาล, การดำรงเงินกองทุน ที่ใช้เกณฑ์บราเซิล 2 ทำให้สามารถตีราคาที่ดิน และเงินสำรองหนี้ชั้นปกติ 1% นำมานับรวมเป็นเงินกองทุนได้อีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท, การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง, กระบวนการด้านสินเชื่อ, การกำกับลูกหนี้รายใหญ่ และการบัญชีและการเปิดเผยข้อมูล.
ร่วมแสดงความคิดเห็น