นักธุรกิจค้าชายแดนโวย ลาวเก็บค่าผ่านทางเพิ่ม

b.3
ผู้ประกอบการค้าชายแดนเชียงราย นำรถบรรทุกพ่วงนับสิบคันปิดทางเข้าออกด่านพรมแดนเชียงของ ปิดกั้นไม่ให้รถเข้าออกชายแดนไทย-ลาว หลังไม่พอใจทางการลาวทำการกักรถบรรทุกสินค้าของผู้ประกอบการไทย พร้อมเรียกเก็บเงินค่าผ่านทางเพิ่ม ด้านพ่อเมืองรุดเคลียร์ปิดพรมแดนผู้ประกอบการยอมจ่ายนำรถออกจากลาว

กลุ่มผู้ประกอบการนักธุรกิจค้าชายแดนนำรถยนต์บรรทุกสิบค้าพ่วงจำนวนกว่า 10 คันมาจอดขวางถนนบริเวณปากทางเข้าออกด่านพรมแดนเชียงของ สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 4 ด้านอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยปิดกั้นทั้งเส้นทางขาเข้า และขาออกไม่ให้ยานพาหนะเข้าออก โดยเฉพาะรถยนต์บรรทุกสินค้าที่ข้ามมาจากฝั่งเมืองห้วยทราย ฝั่ง สปป.ลาว หลังไม่พอใจที่ทางการลาวได้ทำการกักรถบนต์บรรทุกสินค้าของผู้ประกอบการไทยไว้ที่บริเวณลานจอดรถจุดเปลี่ยนสินค้าหน้าด่านพรมแดนของลาว เพื่อเรียกเก็บเงินค่าลานจอดหรือค่าผ่านทางเพิ่ม

นางจุรีรัตน์ แซ่ใช้ ผู้ประกอบค้าและขนส่ง บริษัท ชัยสวัสดิ์อินเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่าปัจจุบันมีรถบรรทุกสินค้าของไทย ซึ่งบรรทุกสินค้าส่วนใหญ่เป็นผลไม้ประเภททุเรียน มังคุด และกล้วย ถูกกักไว้อยู่บริเวณหน้าด่านพรมแดนของลาว ประมาณ 60 คัน เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่มีคำสั่งจากทางการลาวให้มีการเก็บค่าฉาง หรือลานจอด ซึ่งเป็นค่าผ่านทางเพิ่มจากปกติที่เคยเก็บอยู่ 1,600 บาท มีการเก็บเพิ่มอีกเกือบเท่าตัว ตกแล้วต้องเสียคันละกว่า 3,000 บาท ถือว่าเป็นค่าผ่านทางที่แพงมาก เพราะทางผู้ประกอบการไม่ได้เสียจุดนี้เพียงจุดเดียว แต่ยังมีค่าผ่านด่านในเขตรอยต่อชายแดนจีนอีก สร้างภาระต้นทุนให้ผู้ประกอบการอย่างมาก จึงอยากเรียกร้องให้ทางการลาวไม่เก็บเงินเพิ่ม และให้หน่วยงานไทยเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้ด้วย

ด้านนายโสภณ สังขกร ผู้ประกอบการค้าบริษัทเกวรี จำกัด ระบุว่าตามบันทึกข้อตกลงการใช้ประโยชน์จากถนนอาร์3เอจะไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายที่ทางการลาวจัดเก็บในขั้นต้นเป็นค่าธรรมซึ่งทางผู้ประกอบการก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรยินดีที่จะชำระให้ แต่ที่ทางผู้ประกอบไม่เห็นด้วยคือการที่ทางการลาวมีการขึ้นราคาค่าธรรมเนียมอยู่บ่อยครั้งและไม่มีการแจ้งล่วงหน้า จะขึ้นก็ขึ้นทันทีเช่นแจ้งวันนี้ก็เก็บวันนี้ทันทีทำให้เป็นภาระของผู้ประกอบการที่ไม่ได้คำนวนต้นทุนทางการเบื้องต้น ซึ่งมีผลต่อการทำธุรกิจและการขนส่ง จึงอยากให้ทางการไทยคุยกับแขวงบ่อแก้วของ สปป.ลาว ให้ดำเนินการเรื่องการใช้ถนน ธรรมเนียมค่าผ่านทาง การตรวจเอกสารของตม.หรือศุลกากรอย่างถูกต้องเป็นระเบียบ มีความชัดเจนเป็นรายเดือนหรือรายปีไม่ไช่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวันอย่างที่ผ่านๆมา

เช่นเดียวกับนายโชค หวงธรรมชาติ ผู้จัดการบริษัทดอยตุง ขนส่งจำกัด สาขาเชียงของ กล่าวว่าที่ผ่านมาผู้ประกอบการไทยต้องประสบกับปัญหาในเรื่องทำการค้าอย่างมากเพราะนโยบายของลาวไม่มีความชัดเจนแน่นอนทำให้ไม่สามารถวางแผนล่วงหน้าได้ จะขึ้นค่าธรรมเนียมจุดไหนเท่าไหร่ก็จะขึ้นไม่มีแจ้งล่วงหน้า เมื่อขึ้นแล้วก็ไม่จบยังมีขึ้นราคาอยู่เรื่อยๆ 3-4เดือนขึ้น ที ทำให้ไม่รู้จะแจ้งผู้ประกอบการค้าที่ว่าจ้างไห้ขนส่งอย่างไรเพราะเป็นปัญหาเดิมๆ อีกอย่างกฎหมายขนส่งของ สปป.ลาวไม่ได้มาตรฐานจึงทำให้เกิดปัญหา จึงอยากให้มีการหารือแก้ไขเพื่อให้ก้าวเข้าสู่เออีซี.อย่างแท้จริง ล่าสุดทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับเรื่องจากผู้ประกอบการขนส่งสินค้า

คือ 1..ขอให้ สปป.ลาว มีการจัดเก็บภาษี ค่าธรรมเนียม เพียงจุดเดียว (ONE STOP SERVICE) จากที่ในปัจจุบันมีการจัดเก็บซ้ำซ้อน ทั้งจากหน่วยงานส่วนกลาง แขวงบ่อแก้ว และแขวงหลวงน้ำทา 2.กำหนดมาตรฐานการใช้ถนน R3A ร่วมกันให้มีความเป็นสากล เนื่องจากปัจจุบันเมื่อเกิดอุบัติเหตุฝ่ายเราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบตลอดทั้งที่มิได้กระทำผิดกฎจราจร 3.เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการจัดเก็บภาษี สปป.ลาว ควรมีหนังสือแจ้งมายังฝ่ายไทยเป็นลายลักษณ์อักษร อย่างเช่นเหตุที่เกิดเมื่อวานกับวันนี้ หนังสือออกมาตั้งแต่ ก.พ.59 แต่ไม่ถึงผู้ประกอบการ ทราบกันเพียงในกลุ่มชิปปิ้งลาว 4. ขอให้ทางการไทยเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบหนังสือเดินทางของตัวบุคคลและยานพาหนะของไทยที่ข้ามไปส่งสินค้าฝั่ง สปป.ลาว เพื่อป้องกันการถูกดำเนินคดีฝั่ง สปป.ลาว ส่วนกรณีรถยนต์จำนวน 62 คันที่ถูกกักกันที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่ฉาง (ลานจอดรถ) 530 บาท สำหรับค่าอากรของแขวงบ่อแก้วที่เพิ่มอีก 1,100 บาท ทางการลาวได้อนุโลมไม่ได้เก็บ สำหรับในอนาคตชิปปิ้งกำลังเจรจาอยู่ ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย จะข้ามไปพบเจ้าแขวงบ่อแก้ว เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนต่อไป

ต่อมา นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้เดินทางมายังจุดที่มีการปิดถนน โดยได้เจรจากับกลุ่มผู้ประกอบ ซึ่งทางผู้ประกอบการก็ได้ให้ความร่วมมือเคลื่อนย้ายรถบรรทุกออกจากถนน เปิดให้มีการสัญจรตามปกติ จากนัันคณะทั้งทางฝ่ายเจ้าหน้าที่และผู้ประกอบการได้พากันเข้าห้องประชุมเพื่อรับฟังข้อเดือดร้อนในด้านต่างๆ ซึ่งทาง ผวจ.เชียงราย จะได้รวบรวมปัญหาที่เกิดขึ้น และทำการแก้ไขส่วนที่เป็นปัญหาระหว่างประเทศ หากทางจังหวัดไม่สามารถเข้าไปแก้ปัญหาได้ ก็จะนำเสนอไปยังรัฐบาลเพื่อทำการแก้ไขต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น