เร่งควานหามือเผา สาเหตุไฟป่าครั้งใหญ่

หามือเผาจากกรณีการเกิดไฟป่าในพื้นที่ดอยขุนช่างเคี่ยน ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อ.เมื่อง จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 8 พ.ค.59 โดยไฟได้ลุกลามเป็นวงกว้างจนยากต่อการเข้าสกัด และต้องระดมสรรพกำลังคน พร้อมทั้งเครื่องมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายเข้าร่วมกันระงับเหตุ นานหลายชั่วโมงจนกระทั่งถึงช่วงเช้าของวานนี้ (9 พ.ค.59) ซึ่งจากเหตุไฟป่าครั้งใหญ่นี้ส่งผลกระทบต่อทั้งประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงและเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในพื้นที่ โดยต้องทำงานอย่างหนักกันตลอดทั้งคืน เพื่อเฝ้าระวังและสกัดไม่ให้ไฟลุกลามหนักมากขึ้น ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบความเสียหายของไฟป่าครั้งนี้ พบพื้นที่ป่าทั้งของอุทยานฯ และส่วนพื้นที่ใกล้เคียงเสียหายกว่า 290 ไร่ นอกจากนี้ยังพบสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ภายในป่าล้มตายอีกเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามภายหลังการดำเนินการอย่างต่อเนื่องของทางเจ้าหน้าที่

S__8495112นอกจากนี้ในช่วงบ่ายวานนี้ นางสาวหนึ่งหทัย ตันติพลับทอง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ได้นำฮอฝนหลวงขึ้นบินสำรวจพื้นที่เกิดไฟป่า โดยเริ่มจากจุดที่เกิดไฟป่าดอสุเทพเมื่อคืนที่ผ่านมาพบว่าสถานการณ์คลี่คลายลงแล้วและพบว่าเจ้าหน้าที่ทางภาคพื้นดินเข้าจัดการควบคุม และลาดตระเวน ขณะเดียวกันได้บินวนสำรวจโดยรอบของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย พบว่ายังมีการเกิดไฟป่าอีกหลายจุดด้วยกัน แต่เป็นจุดเล็กๆ ที่เกิดควันไฟจากไฟป่าขึ้น กินพื้นที่ไม่มาก ซึ่งได้มีการถ่ายภาพเก็บข้อมูลและแจ้งพิกัดให้กับทางสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ได้รับทราบ และจัดส่งกำลังทางภาคพื้นดินเข้าควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ขยายวงกว้างออกไปอีก ขณะเดียวกันยังพบว่าเริ่มมีการเผาพื้นที่การเกษตร และบางจุดมีแปลงเกษตรที่เผาใกล้กับพื้นที่ป่าด้วย

S__8495113สำหรับการบูรณาการดับไฟป่าที่ผ่านมาพบว่าได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงามที่รับผิดชอบ และยังพบว่าชาวเชียงใหม่เองมีความตื่นตัวเรื่องของสถานการณ์ไฟป่าจากการแชร์ภาพเหตุการณ์ และส่งมอบความใช่วยเหลือผ่านทางจังหวัดทั้งน้ำดื่ม ข้าวกล่อง และของใช้จำเป็นอย่างเครื่องดื่มเกลือแร่ให้กับเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่ด้วย จนกระทั่งเหตุดังกล่าวได้กลับสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ยังคงเฝ้าระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก

S__4751398ล่าสุดวันนี้ (10 พ.ค.59) ทางนายชิติพัทธ์ โพธิ์รักษา เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน ผู้รับมอบอำนาจจากอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับคนร้ายไม่รู้ตัวผู้กระทำผิด ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ ข้อหา แผ้วถาง เผาปา หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า , พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติฯ ข้อหา เผาป่าเก็บหาของป่า หรือทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติและทำลายป่าต้นน้ำลำธาร และ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฯ ข้อหา เผาป่าในเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ร้อยเวรสอบสวน สภ.ช้างเผือก ได้รับคำร้องทุกข์ ไว้ตามคดีที่ 1197/2559

S__4751401โดยจากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าเมื่อวันที่ 8 พ.ค.59 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าหน่วยห้วยตึงเฒ่าได้เข้าทำการดับไฟป่าพบไฟกำลังลุกไหม้บริเวณป่าอุทยานฯ ใกล้พื้นที่นาไร่หลวง (พื้นที่อุทยานฯซึ่งอนุโลมให้ชาวบ้าน (ม.4) เข้าทำกิน) เบื้องต้นเชื่อว่าสาเหตุของเพลิงไหม้เกิดจากการเผาเพื่อหาของป่า ซึ่งขณะเกิดเหตุไม่พบบุคคลหนึ่งบุคคลใดอยู่ในพื้นที่หรือบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุไฟไหม้แต่อย่างใด เนื่องจากพื้นที่ป่ารอบที่เกิดเหตุเป็นป่าไม่ถูกไฟไหมผ่านมาสามปีแล้วจึงทำให้ไฟลุกไหม้รุนแรงดับไฟได้ยากลำบากทำให้ไฟไหม้ลุกลามมีพื้นที่ป่าอุทยานเสียหายถูกไฟไหม้ประมาณ 80 ไร่ เบื้องต้นยังไม่ทราบผู้กระทำความผิด จะได้สืบสวนสอบสวนต่อไป อย่างไรก็ตามหากผู้ใดทราบเบาะแสหรือรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถแจ้งได้ที่ สภ.ช้างเผือก โทร.095-686-6312 หรือ 053-218-443 ตลอด. 24. ชม.
ขณะที่ทาง นายพงศ์ภาวัต ใหญ่วงศ์กร หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการสำรวจประเมินสถานการณ์ไฟป่าที่ไหม้พื้นที่เชิงดอยสุเทพ ภายในอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อำเภอเมืองเชียงใหม่ คาดว่าพื้นที่เสียหายรวมทั้งสิ้นประมาณ 290 ไร่ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย และพื้นที่ที่หน่วยทหารขอใช้บางส่วน ซึ่งได้ส่งชุดดับไฟป่าของอุทยานแห่งชาติ และชุดเหยี่ยวไฟของกรมป่าไม้ เข้าไปดับไฟสุมขอน ที่ยังไหม้ตามต้นไม้ กิ่งไหม้ เพราะเกรงจะปะทุขึ้นอีก

จากการวิเคราะห์สาเหตุของไฟป่าครั้งนี้ เริ่มจากบริเวณใกล้บ้านไร่นาหลวง ต.ช้างเผือก ไล่ลงมาหลังค่ายลูกเสือ ซึ่งพบว่ามีการจุดไฟ 4 จุดในเวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปดับจุดแรกซึ่งเป็นภูเขาสูงชัน แต่กลับพบว่ามีไฟลุกไหม้ขึ้นอีกจุดและลุกลามอย่างรวดเร็ว จึงเชื่อว่ามีผู้จงใจจุดไฟเผาป่าในครั้งนี้ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า จากนี้คงมีข้อสั่งการจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้จัดกำลังชุดลาดตระเวนเฝ้าระวังพื้นที่ที่ยังไม่ถูกไฟไหม้อย่างเข้มงวด พร้อมกับทำแนวกันไฟเพิ่มเติม และขอความร่วมมือกับราษฎรในพื้นที่รอบเขตอุทยานแห่งชาติฯ จนกว่าจะมีฝนตกลงมาเพิ่มความชุ่มชื้นในพื้นที่ป่า ส่วนการสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด มาลงโทษตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้และอุทยานแห่งชาติฯ นั้น เชื่อว่าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว

ร่วมแสดงความคิดเห็น