ผู้นำแม่วางโวย ชาวเขาบุกรุกผืนป่าเพิ่ม เข้ายื่นหนังสือต่อนอภ. เรียกร้อง 6 ประเด็น

1สุดทนม้งกลุ่มผู้นำท้องถิ่นแม่วางสุดทนม้งห้วยน้ำริน บุกที่ว่าการอำเภอแม่วางยื่นหนังสือจี้ให้หน่วยงานรัฐดำเนินการเฉียบขาด ยื่นเงื่อนไขเด็ด “หากยังมีการรุกป่าให้ไล่ออกจากพื้นที่ทั้งหมด” พร้อมเผยมีการบุกรุกเพิ่มมากกว่า 1 พันไร่ จากเดิมที่ตกลงกันไว้ให้ทำกินแค่ 485 ไร่ “กำนันทุ่งปี้” เผยมีการข่มขู่ทางเฟสบุ๊ค พร้อมกับปลุกระดมให้เกลียดชังเจ้าหน้าที่รัฐ พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้เร่งสร้างเขื่อนแม่วางเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อย่างยั่งยืนด้วย

วันที่ 11 พ.ค.59 เวลา 13.30 น. ที่หน้าที่ว่าการอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอแม่วาง นำโดย นายอุ่นเรือน คำภิโล กำนันตำบลทุ่งปี้ ประธานชมรมฯ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ อ.แม่วาง นำโดย นายชุมพล อิ่นแก้ว นายองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งปี้ เข้ายื่นหนังสือเรียกร้องให้มีการดำเนินการแก้ปัญหาการยึดครองพื้นที่ป่าหย่อมบ้านห้วยน้ำรินและขอให้อำเภอแม่วางผลักดันการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่วางเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อำเภอแม่วางอย่างยั่งยืน โดยมีนายสุทิน จันทร์งาม นายอำเภอแม่วาง รับหนังสือเรียกร้องดังกล่าว
นายชุมพล อิ่นแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งปี้ กล่าวก่อนการยื่นหนังสือ ว่า ประเด็นปัญหาเรื่องการบุกรุกผืนป่าของม้งที่ป่าหย่อมบ้านห้วยน้ำรินนั้นมีการพูดคุยกันเป็นวงใหญ่มาแล้วหลายรอบ มีการทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันแล้วว่าจะไม่มีการบุกรุกเพิ่มมากขึ้นไปจากเดิมอีก เพราะในพื้นที่ที่ได้ทำกินก่อนปี พ.ศ.2545 นั้น มีมากถึง 485 ไร่ ซึ่ง ณ ขณะนั้นมีเพียงไม่กี่ครอบครัวที่เข้าไปทำกินในพื้นที่ป่า แต่ขณะนี้พื้นที่บริเวณดังกล่าวมีการบุกรุกลุกลามมาอย่างต่อเนื่อง มีพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกเพิ่มเป็นจำนวนมากกว่า 1 พันไร่

“มีการประชุมในพื้นที่ที่หย่อมห้วยน้ำรินหลายรอบ ผ่านนายอำเภอแม่วางมาแล้วหลายท่าน สำหรับท่านนายอำเภอท่านปัจจุบันซึ่งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่นาน ยังไม่รับทราบรายละเอียดของปัญหาในพื้นที่ ซึ่งกรณีปัญหาการบุกรุกป่าที่บ้านห้วยน้ำรินนี้มีการแสดงเจตนาโดยการทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ตั้งแต่ครั้งที่นายภาษเดช หงส์ลดารมภ์ เป็นนายอำเภอแม่วาง ซึ่งบันทึกข้อตกลงดังกว่าได้มีการนำส่งให้จังหวัดได้รับทราบถึงปัญหาแล้วในสมัยที่นายวิเชียร พุฒิวิญญู เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นผู้ที่มารับมอบคืนผืนป่าหย่อมบ้านห้วยน้ำรินในส่วนที่มีการบุกรุกเพิ่มหลังปี 2545 ราว 600 ไร่” นายก อบต.ทุ่งปี้ กล่าว

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว

“ในพื้นที่ 600 ไร่ที่ได้รับคืนมานี้ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว อำเภอแม่วาง ท้องที่ท้องถิ่น ร่วมกับป่าไม้ ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ในผืนป่านี้จนเต็มพื้นที่ แต่ปรากฏว่ามีม้งส่วนหนึ่งไม่ได้ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงร่วมกันที่จะไม่มีการบุกรุกป่าเพิ่มอีก มีการบุกรุกทั้งป่าแปลงที่ขอคืนมาได้และยังบุกรุกเพิ่มมากขึ้นจากเดิมอีกมา พร้อมกันนี้ยังมีม้งบางคนในกลุ่มเล็กๆ กลุ่มนี้เปิดเฟสบุ๊คด่าทอท้าทายและข่มขู่ทั้งผู้นำท้องที่และท้องถิ่น รวมถึงอำเภอแม่วางด้วย โดยพยายามระบุว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้ที่ทำลายป่า ทั้งที่มีการบุกรุกจริง โดยไม่มีคนภายนอกเข้าไปในพื้นที่นั้นเลย” นายชุมพล อิ่นแก้ว กล่าว

นายชุมพล อิ่นแก้ว นายก อบต.ทุ่งปี้ กล่าวต่อว่า ผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่นที่มาร่วมกันวันนี้ก็เพื่อแสดงจุดยืนและขอเรียกร้องให้อำเภอแม่วางดำเนินการ 2 เรื่องใหญ่ คือ เรื่องแรกขอเรียกร้องให้มีการสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่หรือเขื่อนแม่วาง เพื่อการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ อ.แม่วางอย่างยั่งยืน ประการที่ 2 ขอเรียกร้องให้ม้งที่หย่อมบ้านห้วยน้ำรินปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกันไว้ ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าวแล้ว ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการอพยพม้งที่บุกรุกป่าหย่อมบ้านห้วยน้ำรินออกจากพื้นที่ป่าทั้งหมด

ทั้งนี้บันทึกข้อตกลงดังกล่าวมีการลงนามเมื่อวันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม 2556 เวลา 14.00 น. ที่อาคารหอประชุมโรงเรียนบ้านกาดวิทยาคม โดยมีตัวแทนประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่วางทั้ง 58 หมู่บ้าน ผู้นำท้องที่และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 6 แห่ง โดยประกาศเจตนารมณ์การส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม่ และพี่น้องประชาชนหย่อมบ้านห้วยน้ำริน หมู่ที่ 1 ต.ทุ่งปี้ อ.แม่วาง ได้ขอส่งมอบพื้นที่ที่บุกรุกทำกินจำนวน 600 ไร คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐ 72 ล้านบาท คืนให้แก่รัฐ ซึ่งการบันทึกข้อตกลงในวันดังกล่าวมี นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางเข้าพื้นที่ร่วมลงนามเป็นสักขีพยานในบันทึกข้อตกลงนั้นด้วยตัวเอง

ด้าน นายอุ่นเรือน คำภิโล กำนันตำบลทุ่งปี้ ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอแม่วาง กล่าวว่า ที่ต้องหนังสือเรียกร้องเพื่อขอให้ดำเนินแก้ปัญหาการยึดคืนพื้นที่ป่านหย่อมบ้านห้วยน้ำรินเนื่องจากหลายหน่วยงานเรียกร้องให้มีการอนุรักษ์และสนับสนุนให้มีการเรียกคืนผืนป่าดังกล่าว แต่กลับมีกลุ่มคนส่วนหนึ่งที่สูญเสียผลประโยชน์ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีอิทธิพลทั้งมีการขยายพื้นที่ทำกินตัดไม้ทำลายป่า นอกจากนี้ยังมีผู้นำบางคนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องเครือญาติ ได้ให้ร้าย ยุยง ปลุกปั่น สร้างกระแสต่างๆ ในหลายๆ ทาง มีการแจกใบปลิว และใช้โซเชีลมีเดียบิดเบือนข้อเท็จจริงและข่มขู่เพื่อให้เกิดความเกลียดชังเจ้าหน้าที่ ผู้นำท้องที่ท้องถิ่นที่ดำเนินการตามเจตนารมณ์ของบันทึกข้อตกลงในการอนุรักษ์รักษาผืนป่า

“ได้มีการประชุมร่วมกันกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกันการอนุรักษ์ผืนป่าแห่งนี้แล้วหลายหน่วยงานได้มีมติเป็นข้อเรียกร้อง 6 ประเด็น ประการแรกขอเสนอให้ระงับหรือยกเลิกการออกทะเบียนบ้านชั่วคราวให้กับชาวบ้านหย่อมบ้านห้วยน้ำริน ประการที่ 2 เสนอให้ดำเนินคดีกับผู้บุกรุกพื้นที่ฯ เกินกว่าที่กำหนดอย่างเด็ดขาด ประการที่ 3 เสนอให้ดำเนินคดีกับแกนนำที่ยุยง ปลุกปั่น สร้างกระเส บิดเบือนข้อมูลต่างๆ ประการที่ 4 เสนอให้ปลดเจ้าหน้าที่และผู้นำชุมชนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็น เป็นใจ ส่งเสริมให้ชาวบ้านทำการบุกรุกขยายพื้นที่ป่าฯ เกินกว่าที่กำหนด ประการที่ 5 เสนอให้ยึดคืนพื้นที่ป่าฯ จากผู้กระทำผิดทั้งหมดทั้งพื้นที่เก่าและพื้นที่ที่บุกรุกใหม่ และประการที่ 6 เสนอให้มีการทำบันทึกข้อตกลงใหม่เพิ่ม ซึ่งหากชาวบ้านหย่อมบ้านห้วยน้ำรินไม่จริงจังและจริงใจในการรักษาอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าฯ ไม่สอดส่องดูแล และมีการขยายพื้นที่ทำกินเพิ่มจากที่กำหนดให้อยู่เดิม จะต้องถูกขับออกมาจากพื้นที่หย่อมบ้านห้วยน้ำรินทั้งหมด” นายอุ่นเรือน คำภิโล กำนันตำบลทุ่งปี้ แจงถึงข้อเสนอในหนังสือที่ยื่น

ร่วมแสดงความคิดเห็น