สนธิกำลังยึดพื้นที่ป่ากว่า 100 ไร่ หลังนายทุนบุกรุกทำเพาะปลูกในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสะเมิง (มีคลิป)

ระดมกำลังบุกยึดพื้นที่ป่าถูกบุกรุกกว่า 100 ไร่ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสะเมิง หลังตรวจพบนายทุนเข้าบุกรุกแผ้วถางทำเป็นพื้นที่เพาะปลูกสตรอเบอรี่ และพืชเกษตรกว้างสุดลูกหูลูกตา แต่ทางเจ้าของอ้างสิทธิ์ถือครองไม่ยอมความหลังเจรจา พร้อมรวมกลุ่มเข้าประทวงที่อำเภอ สถานการณ์บานปลายส่อเค้ารุนแรง เจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจรุดเข้าดูแลความสงบ พร้อมเรียกตัวแทนเข้าเจรจาเพื่อให้ความเป็นธรรม

เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 12 พ.ค.59 นายเกรียงไกร เพาะเจริญ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสะเมิง พร้อมด้วย นายชาตรี กิตติธนดิตถ์ นายอำเภอสะเมิง , พ.อ.พิศิษฐ์ กันทะใจ หัวหน้า กกร.มทบ.33 และ เจ้าหน้าที่จากสถานีตำรวจภูธรสะเมิง , หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชม.40 (ยั้งเมิน) , อุทยานแห่งชาติขุนขาน , ศูนย์ปฏิบัติการสนธิกำลังป้องกันและปราบปราม การลักลอบทำลายทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่เป็นพื้นที่ล่อแหลมอยู่ในเกณฑ์วิกฤติที่ 2 และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายได้ร่วมกันสนธิกำลัง ปฏิบัติการพลิกฟื้นผืนป่า สู่การพัฒนาการอย่างยั่งยืน พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสะเมิง ต.ยั้งเมิน อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่

S__46702619โดยได้นำกำลังเข้าร่วมตรวจยึดพื้นที่ป่าที่มีการบุกรุก บริเวณบ้านขุนห้วยป่าคา ท้องที่หมู่ 1 ต.ยั้งเมิน อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสะเมิง ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำของชุมชน ต.ยั้งเมินและอำเภอสะเมิง หลังตรวจพบว่ามีการบุกรุก แผ้วถาง พื้นที่ป่าไม้ เพื่อปลูกสตรอเบอรี่และข้าวโพด รวมพื้นที่ประมาณ 97 ไร่ นอกจากนี้ยังพบสิ่งปลูกสร้างถาวรหลายหลัง รวมทั้งถังใส่สารเคมี ยาฆ่าแมลง และจากการตรวจสอบไม่พบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ผ่อนปรนเพื่อรอการพิสูจน์สิทธิ์ ตามมติ ครม.30 มิ.ย.2541 และอยู่ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสะเมิงและป่าสงวนแห่งชาติป่าสะเมิง ซึ่งในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้กล่าวร้องทุกข์ร้องโทษตาม พรบ. ว่าด้วยการป่าไม้กับพนักงานสอบสวน สภ.สะเมิง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

S__46702633ทั้งนี้ทาง นายเกรียงไกร เพาะเจริญ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสะเมิง ระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนธันวามคม ปี พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสะเมิงได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ว่าบริเวณต้นน้ำบ้านขุนห้วยป่าคา ท้องที่หมู่ 1 ต.ยั้งเมิน อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ได้ถูกนายทุนบุกรุกเป็นพื้นที่กว้าง ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้รับเรื่องและเข้าไปดำเนินการตรวจสอบโดยได้มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมทำการสำรวจ พื้นที่ที่ถูกบุกรุกดังกล่าว ซึ่งจากผลการตรวจสอบในวันที่ 22 ธ.ค.58 พบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าต้นน้ำจริง จับพิกัดรอบแปลงได้เนื้อที่ประมาณ 83 ไร่ และพบพื้นที่ที่มีอยู่ใช้ไปกับการเพาะปลูก สตรอเบอรี่ ประมาณ 80% และพื้นที่ที่เหลือก็มีการเพาะปลูกข้าวโพดบางส่วน นอกจากนี้ยังพบร่องรอยการตัดทำลายไม้ การเจาะใส่ยาทำให้ต้นไม้ตาย อีกทั้งยังมีการสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรรวมประมาณ 5 หลัง และโรงเก็บอุปกรณ์ต่างๆ และยังมีการขุดบ่อน้ำจำนวน 3 บ่อ การเดินสายไฟผ่านแนวป่าความยาวประมาณ 2 กม. ขณะเดียวกันจากการสอบถามบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ทราบว่า พื้นที่ดังกล่าวมี นายกวินท์ เซงจ่าว เป็นเจ้าของ

S__46702628ต่อมาในวันที่ 15 ม.ค.59 ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการเชิญตัวเจ้าของพื้นที่ที่บุกรุกเข้ามาเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงและดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายก็มี นายกวินท์ เซงจ่าว และ นายธรรมธร เซงจ่าว ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นคนนอกพื้นที่ และอยู่ที่ ต.บ่อแก้ว อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ เดินทางเข้าร่วมประชุมกับทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง โดยในวันดังกล่าวได้มีการเจรจาเพื่อขอร้องให้ทางผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ดังกล่าวซึ่งทางผู้บุกรุกก็ได้มีการชี้แจงยืนยันหลักฐาน และจากการพูดคุยได้ข้อสรุปว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของ นายกวินท์ เซงจ่าว จริงมีใบตอบรับเนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ ซื้อมาจากชาวบ้านทางฝั่ง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งจากผลการตรวจสอบมีมติว่าจะให้ทาง นายกวินท์ เซงจ่าว ออกจากพื้นที่ทั้งหมดพร้อมทั้งให้ดำเนินการลื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ระบบไฟฟ้า ออกจากพื้นที่ทั้งหมด โดยให้เวลาถึงวันที่ 30 เม.ย.59 ซึ่งทาง นายกวินท์ เซงจ่าว ก็ได้ยอมรับเงื่อนไข พร้อมทั้งลงชื่อไว้เป็นหลักฐานโดยสมัครใจ

IMG_7451แต่หลังจากวันที่ 29 ม.ค.59 ประมาณ 2 อาทิตย์ต่อมา ทางนายกวินท์ เซงจ่าว ได้เข้ายืนหนังสือเรียกร้องกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ว่า ตนและครอบครัวได้ซื้อที่ดินดังกล่าวมาจากเจ้าของเดิมจำนวน 2 ครั้ง โดยในครั้งแรกจำนวน 7 ไร่ และครั้งที่สอง จำนวน 50 ไร่ พร้อมทั้งได้แนบเอกสารสำคัญสัญญาซื้อขายมาทั้ง 2 ฉบับ และอ้างว่าพื้นที่เดิมมีร่องรอยการทำมาหากินมาก่อนปี 2540 และอ้างอีกว่าเคยมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่ อีกทั้งอ้างว่าเมื่อวันที่ 15 ม.ค.59 ที่ได้มีการเจรจาก่อนหน้านี้นั้นทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้และเจ้าหน้าที่ทหารมีอาวุธครบมือมาข่มขู่ให้ยอมรับและบีบให้ออกจากพื้นที่ รวมทั้งอ้างด้วยว่าในพื้นที่โดยรอบซึ่งเป็นของผู้อื่นก็เป็นพื้นที่ลักษณะเดียวกันทำไมถึงไม่มีการดำเนินคดี ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องเข้าดำเนินการเพื่อให้เกิดความถูกต้อง

IMG_7454ขณะที่ทางด้าน นายชาตรี กิตติธนดิตถ์ นายอำเภอสะเมิง กล่าวว่า โดยภาพรวมการบุกรุกพื้นที่ป่าของ อ.สะเมิงนั้นเท่าที่ทราบข่าวจะมีมาประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ายังมีปริมาณที่ไม่มากเท่าไหร่ แต่ต้องหยุดยั้งให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งสาเหตุที่มีการบุกรุกนั้นก็เนื่องมาจากความเจริญมีถนนเข้าถึง ประกอบกับเศรษฐกิจที่เจริญเติบโตขึ้น จึงทำให้มีความต้องการในการใช้พื้นที่เพาะปลูก อย่างเช่น ส้ม และสตรอเบอรี่ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งตอนนี้อาจจะยังมีไม่มากแต่หากไม่มีการหยุดยั้งตั้งแต่เนิ่นก็จะลุกลามบานปลายมากขึ้นและทำให้แก้ไขได้ยาก อย่างเช่นในกรณีที่จะเข้าไปดำเนินการครั้งนี้คนในพื้นที่ก็จับตาดูอยู่ว่าหากทางภาครัฐไม่มีการเข้าไปดำเนินการให้เป็นตัวอย่าง ก็จะมีคนทำบ้าง อย่างไรก็ตามจากสภาพโดยรวมของ อ.สะเมิง มีพื้นที่ป่าทั้งสิ้นประมาณ 5 แสนกว่าไร่ โดยแยกเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ประมาณ 2 แสนกว่าไร่ ป่าอนุรักษ์พิเศษ ประมาณ 2 แสนไร่ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอีก 1 แสนกว่าไร่ ซึ่งตรงนี้การที่ราษฎรเข้าไปบุกรุกเป็นพื้นที่ทำกินนั้นถือเป็นสิ่งที่ผิด และต้องเร่งสร้างจิตสำนึกที่ดีให้กับทางราษฎรได้เข้าใจการดำเนินการของทางเจ้าหน้าที่ด้วย

IMG_7453IMG_7450ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนนั้นในช่วงบ่าย เวลาประมาณ 13.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้เดินทางเข้าดำเนินการเจรจากับกลุ่มผู้บุกรุกในพื้นที่ โดยจากผลการลงพื้นที่นั้นพบ นายกวินท์ เซงจ่าว และ นายธรรมธร เซงจ่าว พร้อมทั้งครอบครัว ยังคงปักหลักอยู่ในพื้นที่ โดยทาง นายชาตรี กิตติธนดิตถ์ นายอำเภอสะเมิง พร้อมด้วย นายเกรียงไกร เพาะเจริญ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสะเมิง และ นายอิสระ ศิริไสยาสน์ นักวิชาการป่าไม้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ จำนวนหลายสิบนาย ก็ได้เข้าทำการนำกำลังเข้าสำรวจพื้นที่ โดยพบว่าพื้นที่ดังกล่าวได้มีการทำเป็นแปลงเพาะปลูกพืชซึ่งประกอบไปด้วย ผักกาด และสตรอเบอรี่ จำนวนหลายสิบไร่ โดยสังเกตุด้วยตาเปล่าพบเป็นพื้นที่แผ้วถางเป็นระยะไกล นอกจากนี้ยังได้เดินเท้าเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ด้านในซึ่งพบว่ามีการเตรียมการเพาะปลูกอีกเป็นจำนวนหลายสิบไร่ ขณะที่ทางผู้บุกรุกยังคงอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ตามที่ได้มีการพูดคุยมาแล้วก่อนหน้านี้

IMG_7448โดยทางด้าน นายอิสระ ศิริไสยาสน์ นักวิชาการป่าไม้ กล่าวภายหลังการเข้าดำเนินการตรวจสอบว่า หลังจากการดำเนินการเข้าตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมดของทางเจ้าหน้าที่พบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ได้มีร่องรอยของการปลูกสตรอเบอรี่และบางจุดได้ทำการปลูกผักกาด อีกทั้งมีพื้นที่เตรียมการที่จะขยายเพิ่มไปโดยพบว่ามีร่องรอยไฟไหม้ซึ่งเนื้อที่น่าจะเกิน 100 ไร่ ขณะเดียวกันจากการสอบถามเจ้าของพื้นที่ได้อ้างว่า มีพื้นที่ทั้งของตัวเองและพื้นที่ที่ได้มีการเช่าคนอื่นมา โดยมีเจ้าของพื้นที่ทั้งหมด 4 คน แต่อย่างไรก็ตามพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารของห้วยป่าคา ที่จะไหลไปสู่บ้านปางขุมและหล่อเลี้ยงชาวพื้นที่สะเมิง ซึ่งถือเป็นต้นน้ำที่สำคัญมาก แต่ที่ตรวจสอบพบปรากฎว่า มีทั้งการเผาป่า มีทั้งสารเคมีที่ใช้พ่นเพื่อการเกษตร ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้เป็นพื้นที่ทำการเกษตรต่อไปก็จะมีผลกระทบต่อคนที่อยู่ข้างล่าง รวมทั้งคนที่อยู่กลางน้ำและปลายน้ำด้วย จึงควรที่จะมีการฟิ้นฟูพื้นที่ให้กลับมาสมบูรณ์ต่อไป
นายอิสระ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า อย่างไรก็ตามในส่วนของการดำเนินการต่อจากนี้ จะได้มีการเชิญ 4 คน ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของพื้นที่ลงไปที่โรงพักเพื่อลงบันทึกการจับกุมแล้วหลังจากนั้นก็ต้องรอให้มีการดำเนินคดีสิ้นสุดเนื่องจากทางนั้นอ้างว่ามีหลักฐานในการครอบครองซึ้งต้องดำเนินการตรวจสอบหากคดีสิ้นสุดจึงจะเข้าดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ป่าบริเวณนี้ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ต่อไป

IMG_7447ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วงค่ำวันนี้ ทางกลุ่มผู้อ้างว่าเป็นผู้ถือครองที่ดินได้เดินทางมายังที่ว่าการอำเภอสะเมิงเพื่อเข้าเจรจากับทางนายอำเภอสะเมิง แต่เนื่องจากการเจรจาเกิดความไม่เข้าใจทางกลุ่มผู้อ้างสิทธิ์ถือครองที่ดินจึงได้มีการรวมตัวกันกับคนในพื้นที่กว่า 150 คน เข้าทำการประท้วงที่บริเวณตึกที่ว่าการอำเภอ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ซึ่งสถานการณ์เป็นไปด้วยความตึงเครียด เนื่องจากกลุ่มผู้ประทวงนั้นไม่ยินยอมแยกย้าย และต้องการได้ข้อสรุปที่ชัดเจนและเป็นที่พึงพอใจ อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการระดมกำลังเพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ที่อาจจะรุนแรงเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งได้มีการเชิญตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าทำการเจรจา เพื่อรับฟังข้อเรียกร้อง และจะดำเนินการเพื่อให้ความเป็นธรรมและถูกต้องมากที่สุด โดยความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

 

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น